หลานสาววัยรุ่นทำงานดึก อาม่าก็ชอบโทรมา เลยรับสายแบบหงุดหงิด จากนั้นก็ไม่มีใครโทรมาอีกเลย

คอมเมนต์:

ได้โปรดอย่าละเลยคนที่รอคุณอยู่เลย..

        เมื่อหนึ่งวันอันยาวนานสิ้นสุดลง หลาย ๆ คนอยากกลับไปบ้านแล้วมีคนในครอบครัวรออยู่ มีข้อความแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และเป็นกำลังใจให้พวกเขา สิ่งเหล่านี้ดูเป็นความสุขที่แสนธรรมดา แต่กลับทำให้คนที่ต้องสูญเสียไปเจ็บปวดอย่างมากมาย มีชาวเนตคนหนึ่งแชร์เรื่องราวไว้ในเพจหนึ่งบนเฟซบุ๊ก เล่าว่าวันนี้ตัวเองทำงานยุ่งมากจนเลิกงานดึก แต่พอเปิดมือถือออกดูกลับไม่เห็นเบอร์ที่คุ้นเคยโทรมา

        จากการรายงานของ ETtoday มีหญิงสาวชาวไต้หวันรายหนึ่ง ได้โพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊ก โดยเล่าว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้วตัวเองถูกย้ายจากเมืองไถหนานมาที่เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน ตอนนั้นเป็นช่วงปีใหม่ ก่อนหน้านั้น 1 เดือนจะยุ่งมากเกือบ 5 ทุ่มถึงได้เลิกงานแทบทุกวัน ตอนนั้นพอเลยสี่ทุ่มครึ่งมือถือก็จะดัง พอรับสายก็เป็นเสียงอาม่า “กลับบ้านรึยังลูก? หรือยังอยู่ที่บริษัท? จะกลับบ้านรึยัง?”

 

Sponsored Ad

 

        เธอบอกว่า บางครั้งงานมีปัญหา ไม่สามารถออกจากบริษัทได้อารมณ์ก็เริ่มไม่ดี จึงตอบกลับอาม่าไป “หนูยังทำงานไม่เสร็จ อาม่าไม่ต้องโทรมาแล้วนะ” อาม่าก็จะพูดอย่างตระหนก “ได้ ๆ ๆ อาม่าไม่โทรแล้ว หนูรีบกลับบ้านนะ”

        แต่อาม่าที่รักหลานสาวแม้ว่าปากจะบอกว่าไม่โทร แต่พอวันต่อมาเธอเลิกงานดึก ก็จะได้รับโทรศัพท์จากอาม่าถามว่าเลิกงานรึยัง “โดยไม่รู้ตัวก็เคยชินแล้วว่าจะต้องรับโทรศัพท์อาม่าตอนสี่ทุ่มครึ่ง” ปีที่แล้วเลยตรุษจีนไปไม่นาน อาม่าก็จากไป “เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ฉันไม่ทันได้บอกลาอาม่า จากนั้นก็เป็นช่วงโลว์ซีซั่น เพราะงั้นครึ่งปีหลังจึงไม่ต้องทำงานจนกลับบ้านดึก จึงค่อย ๆ ลืมความรู้สึกที่รับโทรศัพท์อาม่าไป”

 

Sponsored Ad

 

        จนมีอยู่คืนหนึ่ง เธอก็ยุ่งจนอยู่บริษัทถึงดึก ฉันรู้สึกแปลก ๆ ว่าทำไมมือถือเงียบจัง เปิดมือถือออกดู….ไม่มีใครโทรหาสักสาย….ฉันกำลังรอ รอว่าจะมีคนโทรมามั้ย รอว่าจะมีเสียงที่คุ้นเคยโทรมามั้ย ถามฉันว่า “กลับบ้านรึยังลูก”

 

Sponsored Ad

 

        เธอนึกย้อนกลับไป ตอนอาม่าป่วยหลัง ๆ ก็หลงลืม แต่ก็ยังจำเบอร์โทรของเธอกับน้องได้ “แค่พวกเรากลับบ้านดึก อาม่าก็จะโทรหาและมานั่งรอที่ห้องรับแขก ตอนนั้นฉันกลับบ้านเกือบเที่ยงคืน อาม่าก็นั่งรออยู่ที่โซฟา แถมยังหลอกฉันว่านอนไม่หลับ”

        “ฉันไม่ได้ตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดทุกครั้งที่รับสายอาม่า แม้ว่าจะมีแค่ครั้งเดียวที่ตอบไปแบบนั้น แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดมาโดยตลอด” เธอเล่ากว่าก่อนอาม่าจะเสีย ยังจำได้ว่าเธอกำลังตั้งท้อง ครั้งสุดท้ายที่ฉันไปเยี่ยมอาม่าที่โรงพยาบาล ท่านยังบอกว่า “โรงพยาบาลมีเชื้อโรคเยอะ หนูกำลังท้องไม่ต้องมา”

 

Sponsored Ad

 

        สองอาทิตย์หลังจากอาม่าเสีย เธอก็คลอดลูกชาย คลาดกันไปแค่สองสัปดาห์อาม่าก็จะได้เจอเหลนแล้ว ทำให้เธอเสียใจมาก และขอให้เพื่อนช่วยตัดต่อภาพอาม่ากับลูกชายให้ เธอหวังว่าเรื่องราวของเธอจะทำให้ทุกคนได้สติ “แม้ว่างานจะสำคัญ แต่ถ้ามีเวลาก็ต้องโทรกลับไปรายงานตัว มีคนรอพวกคุณกลับบ้านอยู่ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเหมือนฉัน”, “มีคนรอคอยเป็นความสุข ใครทำงานเลิกดึก ๆ ดื่น ๆ หาเวลาโทรบอกคนที่บ้านด้วย”

        ถึงวันนี้โพสของเธอบนเฟซบุ๊กมีคนกดถูกใจกว่า 2 หมื่นคนแล้ว ชาวเน็ตมากมายคอมเม้นท์อย่างซาบซึ้ง “อาม่าชั้นเสียไป 4 ปีแล้ว ชั้นยังคิดถึงท่านอยู่เลย ที่ไหนที่เคยไปกับท่านเวลาไปก็จะคิดถึง”, “ฮือ… เราก็คิดถึงอาม่า”, “ฉันมองเบอร์แม่ในโทรศัพท์ อยากโทรไปหา…หวังว่าจะได้ยินเสียงแม่พูดว่า มีอะไร”, “ต้องให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวในขณะที่พวกเขายังอยู่ข้าง ๆ คุณ”

เรียบเรียงโดย มันต้องมี

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ