เผยภาพล่าสุด "น้องภู" ลูกชายสุดที่รักตลกดังเมืองไทย "ตั๊ก-นุ้ย" บ้านนี้มีแต่เสียงหัวเราะ

คอมเมนต์:

เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ เลยค่ะ

        เผลอแป๊บเดียวโตเป็นหนุ่มแล้วสำหรับ “น้องภู ภูสิษฐ์ เอี่ยมสุข” ลูกชายคนเล็กของสองนักแสดงตลกชื่อดัง “นุ้ย เชิญยิ้ม” และ “ตั๊ก ศิริพร”

        “นุ้ย เชิญยิ้ม” ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึง “น้องภู” ลูกชายวัย 16 ปี ที่มักจะถูกลุงป้าน้าอาชาวตลกล้ออยู่บ่อยๆ ว่าไม่แมน จนหนุ่มน้อยตัดสินใจเข้าปรึกษาเรื่องความสับสนในตัวเองกับคุณพ่อ โดย “นุ้ย เชิญยิ้ม” ก็ได้เผยว่า สำหรับเรื่องนี้ตนรับได้เสมอในสิ่งที่ลูกเลือกจะเป็น แต่ก็ต้องมีขอบเขตไม่แสดงออกมากจนเกินไป

 

Sponsored Ad

 

        “นุ้ย เชิญยิ้ม” และภรรยา “ตั๊ก ศิริพร” ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงกระแสข่าวดังกล่าวอีกครั้ง พร้อมกันนั้นทั้งคู่ก็ยังถือโอกาสนี้เผยถึงความรู้สึกของน้องภูให้เราฟังด้วยว่า

 

Sponsored Ad

 

อัพเดทเรื่องสุขภาพของพี่นุ้ยที่ก่อนหน้านี้เหมือนจะมีอาการป่วย ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? 

        นุ้ย : “สุขภาพก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะเราทำงานทุกวัน อาจจะมีเป็นหวัดบ้างอะไรบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าล้มป่วย เพียงแค่ว่าตัวพี่เองพี่จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกระดูกคอที่ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ เนื่องจากว่าหมอนรองกระดูกของพี่มันไปทับเส้นประสาท แต่พี่ยังไม่อยากผ่า กลัว (ยิ้ม) ยังทำใจไม่ได้ เอาไว้ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยผ่า อีกอย่างตัวพี่เองก็ไปคุยกับหมอตอลดนะ ปรึกษาหมอตลอด กินยาเยอะมาก”

 

Sponsored Ad

 

        ตั๊ก : “ถ้าพี่เป็นเขาพี่ผ่าไปแล้วนะ เพราะเวลาพี่เห็นเขาปวดเขาดูทรมานมาก แต่เขาก็คงกลัวอย่างที่เขาบอกนั่นแหละ น่านะ…ผ่าเถอะ (ยิ้ม) สำหรับสุขภาพของพี่ระยะหลังมานี้ก็มีป่วยเหมือนกัน บางครั้งป่วยเป็นเดือนก็ยังไม่หาย ทั้งๆ ที่ปกติ 2-3 วันก็หายแล้ว งงตัวเองมาก แต่พี่ก็ไม่โทษใครนะ โทษตัวเองนี่แหละ”

        ตั๊ก : “อยากไปเที่ยวอยากไปพักผ่อนมาก ในประเทศยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ต่างประเทศอย่าเพิ่งพูดดีกว่า แต่ถ้าหากจะไปจริงๆ ก็คงต้องเคลียร์งานให้หมดก่อน แค่เราแบบว่าเสียดายเงินเนอะ (หัวเราะ) พี่นุ้ยเขาก็เตือนตลอดเรื่องนี้ เขาพูดจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว พูดจนปล่อยเราแล้ว (หัวเราะ)”

 

Sponsored Ad

 

เห็นว่าพี่ตั๊กมีแผนไว้ว่าอยากจะออกจากวงการ ? 

        ตั๊ก : “สำหรับเรื่องนี้พี่ไม่ได้พูดเพราะความเหนื่อยนะ แต่พี่ต้องบอกก่อนว่าพี่นุ้ยเขาเป็นคนเอาธรรมมะให้พี่ฟัง อันนี้พี่ต้องขอชมเขา เพราะตั้งแต่พี่ฟังมาไม่มีวันไหนเลยที่พี่จะไม่ฟังเลย ซึ่งพอพี่ฟังบ่อยๆ พี่ก็เริ่มรู้สึกปลง รู้สึกไม่ยึดติดกับอะไร ไม่ว่าจะเป็น ชื่อเสียง เงินทอง หรือแม้แต่เรื่องอะไรก็ตาม ทุกอย่างพี่ปลงหมดแล้ว”

        อย่างเรื่องลูกชายพี่ พี่ก็มองว่า เราเป็นพ่อเป็นแม่ ส่วนเขาก็คือลูก เขามีชีวิตของเขา เราไม่ใช่เจ้าชีวิตเขา เรามีหน้าที่แค่ให้ชีวิตเขาและส่งให้เขาเรียนจนจบ ส่วนหลังจากนี้เราไปยุ่งอะไรเขาไม่ได้แล้ว และพี่ก็จะไม่บังคับหรืออะไรลูกเลย หลายคนอาจจะด่าตั๊กนะว่าเป็นแม่ที่ประคบประหงมลูกจนเกินไป แต่คุณไม่เคยเป็นแม่คุณไม่รู้หรอกว่าความรักของคนเป็นแม่นั้นมันเป็นยังไง ความรักของแม่มันมีมากมายเหลือเกิน คุณต้องลองเป็นแม่ดู และแม่ที่เขารักลูกก็คงจะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ด้วยกัน

 

Sponsored Ad

 

        “และน้องภูเขาไม่เคยทำอะไรให้พี่ลำบากใจเลยนะตั้งแต่เขาเกิดมา เขาเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย พี่ไม่เคยคิดด้วยซ้ำนะว่าเขาจะดัง เพราะว่าเราสองคนไม่เคยพาเขาไปกอง ไม่เคยสอนเขาเรื่องการแสดง ไม่เคยยัดเยียดอะไรให้เขา แต่ว่าเขาทำด้วยตัวเขาเอง เขาเกิดมาเพื่อเป็นแบบนั้นจริงๆ”

        นุ้ย : “ส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่าลูกชายผมเป็นคนที่กล้านะ เพราะเวลาเขามีเรื่องหรือมีอะไรที่เขาอยากพูดอยากปรึกษาเขาก็จะเดินมาบอกเราตรงๆ และเราในฐานะที่เป็นพ่อแม่เราก็ควรจะเปิดใจให้ลูกบ้าง รับฟังลูกบ้าง ไม่ใช่เอะอะโวยวายกับลูกเวลาลูกขอคำปรึกษา หรือขึ้นเสียงกับลูกบ่อยๆ”

 

Sponsored Ad

 

        อีกอย่างช่วงวัยนี้มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเขา เขาก็คงอยากจะให้พ่อแม่ช่วยชี้ช่องทางให้กับเขาว่าเขาควรจะเป็นอะไร เขาควรจะทำอะไร ทำแบบนั้นดีไหม หรือทำแบบนนี้ดีไหม ซึ่งลูกผมจะเป็นอะไรผมก็ยังภูมิใจในตัวเขาครับ และผมก็เชื่อด้วยว่าเขาเป็นเด็กที่ดี ไม่ใช่แค่ดีในสายตาเรา แต่ให้เป็นเด็กดีในสายตาคนอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน หรือการวางตัวในสังคม ลูกผมจะเป็นอะไรก็ได้ ผมยอมรับ ผมเปิดอก เปิดใจรับได้หมดเลย ลูกผู้ชายเต็มที่

Sponsored Ad

แสดงว่าตอนนี้ครอบครัวเราก็พร้อมให้คำปรึกษากับลูกชายเต็มที่ ? 

        ตั๊ก : “เห็นพี่งานเยอะก็จริง แต่ว่าในหนึ่งวันพี่ต้องมีเวลาคุยกับเขานะ อาจคุยกับแปปเดียวหรือคุยนานก็แล้วแต่ แต่ต้องคุยกับลูก อย่างน้อยๆ กอดกันหอมกันก็ยังดี พี่ทำแบบนี้เสมอ และพี่ก็จะบอกกับลูกเสมอว่าถ้าหากภูมีเรื่องอะไรภูอย่ามีความลับกับพ่อกับแม่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และถ้าครอบครัวเราแข็งแกร่งภูก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ฉะนั้นถ้าภูมีเรื่องอะไรภูสามารถบอกกับพ่อกับแม่ได้ทุกเรื่อง พ่อกับแม่จะคุยกับภูด้วยเหตุผล ซึ่งตัวพี่เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเขาจะมาคุยกับเราในเรื่องนี้”

        นุ้ย : “จริงๆ เราก็ยังไม่รู้นะว่าน้องจะยังไง จะสายไหนอะไรก็แล้วแต่ เพราะสิ่งที่เขาเดินมาบอกกับเราเหมือนเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ เป็นในลักษณะของการขอคำปรึกษา แต่ด้วยความที่เราไม่อยากโกหกเพราะเราเป็นคนของประชาชน พี่ก็พูดให้มันจบๆ ไปเลยดีกว่า”

สภาพจิตใจของน้องหลังมีข่าวออกมา ? 

        นุ้ย : “เพื่อนเขาส่งข่าวให้เขาดูก่อนเลยครับ ตอนนั้นเราเองก็ไม่สบายใจเป็นห่วงความรู้สึกเขา เราก็เลยโทรไปถามเขาเดี๋ยวนั้นเลยว่าเขาซีเรียสไหมที่พ่อให้สัมภาษณ์ไปอย่างนั้นอย่างนี้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่เห็นมีอะไรนี่พ่อ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เท่านั้นแหละครับเราก็รู้เลยว่าเด็กเขาแยกแยะได้”

        นุ้ย : “ผลการเรียนของเขาจะ เขียว เขียว เขียว มาตลอด แต่ว่าจะไปแดงตรงส่วนของวิชาพละ เพราะว่าเขาไม่ชอบความรุนแรง เขาไม่ชอบเตะฟุตบอล เขาชอบเล่นแบตมินตัน ชอบว่ายน้ำมากกว่า ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่กล้าเอาผลการเรียนตรงนี้มาให้ดูนะ แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นเอามาให้ดูได้ ซึ่งพอเห็นว่ามันมีแดงตรงช่องพละ เราก็บอกเขาว่าไม่เป็นไรเรื่องแค่นี้ เขาออกกำลังอยู่บ้านก็ได้ แค่เอาเรียนไว้ก่อน”

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก truststoreonline

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ