ลูกถูกเพื่อนร่วมชั้น แ ก ล้ ง จนครูเรียกผู้ปกครองมาพบ แต่แม่ของเขายืนยัน "ไม่ปกป้องลูก"

คอมเมนต์:

คิดว่าคุณแม่ทำถูกไหม?

    ผู้ปกครองหลายคนล้วนต้องเคยประสบกับปัญหาเช่นนี้: ลูกควรทำอย่างไร เมื่อพวกเขาถูก รั ง แ ก ตอนอยู่ที่โรงเรียน?

    ผู้เขียนบทความวันนี้คือ อาจารย์หยู เขาได้เล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชั้นเรียนของตนเองเพื่อเล่าสู่กันฟังให้ผู้ปกครองทั้งหลายได้ทราบ หากเด็กถูก รั ง แ ก นี่คือวิธีการจัดการของผู้ปกครองที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาตลอดไป

 

Sponsored Ad

 

    1

    เมื่อวานตอนที่ครูกำลังสอนอยู่นั้น นักเรียนทุกคนก็ได้ปลดปล่อยความเป็นตนเองอย่างอิสระ ครูกำลังให้นักเรียนซ้อมบทละครในหนังสือ โดยเนื้อหาข้างในเขียนไว้ว่า มีพระสงฆ์รูปหนึ่งเขามองเห็นนกน้อยกำลังกลืนทับทิมเพื่อปกป้องไม่ให้ลูกนกถูก ผ่ า ท้องจนได้รับ บ า ด เ จ็ บ เรื่องนี้ได้รับผลกระทบทาง จิ ต ใ จ ของพระสงฆ์มาก

    เด็กๆใช้ความฉลาดของตนเองอย่างเต็มที่ต่อหน้าเพื่อนๆ จากนั้นพวกเขาก็ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง จำกัด ในห้องเรียนเพื่อประกอบฉาก

 

Sponsored Ad

 

เฉียงเกอพอดีมีทับทิมที่ส่องแสงได้ ดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมชั้นทันที ทำให้ทุกคนอยากจะยืมมาจากเขา และเพราะการปรากฏตัว "ทับทิม" ของเฉียงเกอทำให้เรื่องราวน่าตื่นเต้นมากขึ้น

    หลังเลิกเรียนเด็กๆในชั้นเรียนยังคงสนใจเรื่องราวนี้อยู่ ในขณะที่ครูกำลังพูดคุยกับผู้ปกครองก็ได้เสียงดังขึ้น

    ที่ระเบียงทางเดินหน้าห้องมีบางอย่างแตกละเอียดเต็มพื้น จากนั้นมีเด็กคนหนึ่งก็กำลังยกมือขึ้นสูงเพื่อเตรียมจะตีกัน

ทันทีใดนั้นเองครูก็รีบตะโกนไปว่า “ห้ามตีกันนะ” ครูมองไปที่เด็กทั้งสองคน เฉียงเกอและเสี่ยวเชียง ครูเห็นใบหน้าตั้งแต่ตาไปจนถึงคางและหลังคอมีรอยเล็บมือและมีเ ลื อ ด ไหล 

 

Sponsored Ad

 

    2.

    ครูมองไปที่เสี่ยวเชียงที่หน้าผากก็นูนเป็นก้อนโตสีแดง ครูสงบสติอารมณ์แล้วจ้องไปที่เด็กทั้งสองคน ผู้ปกครองและอาจารย์คนอื่นๆพาเด็กทั้งสองไปที่ห้องพักครูถามว่า “พูดสิ ใครเป็นคนลงมือก่อน?” เด็กทั้งสองก้มหัวไม่ยอมตอบ ใบหน้าเต็มไปด้วย น้ำ ต า เฉียงเกอตอบแบบเสียงเบาๆว่า “ผมเองครับ….”

    “ทำไมต้องล ง ไ ม้ ล ง มื อ?”

 

Sponsored Ad

 

    “เขาแย่งทับทิมของผมไปแล้วทำเครื่องส่องประกายแสงเสีย….”

    “นี่เธอ! เสี่ยวเชียงทำไมไปทำของเขาเสีย?”

    “ผมไม่รู้ว่าเครื่องส่องประกายแสงนั้นเป็นของเขา เพราะผมก็เอามาจากมือของคนอื่นอีกที เฉียงเกอ””พยายามจะเอาคืนให้ได้ผมจึงโยนลงพื้น”

    “ทำไมต้องโยนลงพื้น ให้ดีดีไม่ได้หรอ?”

    “ผมไม่ได้เอามาจากมือของเขา ใครบอกให้เขาวิ่งไล่จะเอาให้ได้”

    “แล้วเธอแกล้งเขาแบบนี้มันเกินไปไหม?”

    “ใครบอกให้เขาลงมือ ต่ อ ย ผมก่อน”

    “ก็เขาทำเครื่องส่องประกายแสงของผมเสียก่อน”

    “เอาล่ะ! ในกรณีที่ทุกคนจนมุม เพราะเมื่อดูจากรูปการณ์แล้วทั้งคู่มีความผิดที่ต้องรับผิดชอบ ครูจะทำ โ ท ษ ด้วยการตี 50 ครั้ง แต่...”

 

Sponsored Ad

 

    บ า ด แ ผ ล บนใบหน้าของเฉียงเกอทำเอาครูถึงกับ ใ จ ห า ย แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายของครูก็ตาม  ในตอนนั้นเฉียงเกออดทนกลั้น น้ำ ต า เอาไว้ ครูเห็นว่าเขา บ า ด เ จ็ บ ไม่น้อย ดูท่าทางจะ เ สี ย เ ป รี ย บ ด้วย

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    3.

 

Sponsored Ad

 

    ครูโทรกลับไปแจ้งผู้ปกครองของทั้งสองคน เพื่อให้รีบเดินทางมาโรงเรียนโดยเร็ว พ่อของเสี่ยวเชียงมาถึงก่อนนั่งรอไม่พูดไม่จา ก้มหน้าเล่นมือถือ

“คุณดูสิ ทำของคนอื่นเสีย….” พ่อของเสี่ยวเชียงก็พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า “ครูครับ เด็กผู้ชาย ช ก ต่ อ ย กันนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก”

    จากนั้นพ่อของเสี่ยวเชียงก็หันไปมองเฉียงเกอแล้วพูดว่า “เครื่องส่องประกายแสงนี่่เท่าไหร่เดี๋ยวจะชดใช้ให้เอง” จากนั้นก็ควักเงิน 6 บาทยื่นให้เฉียงเกอ

     ทำไมไม่รู้ครูรู้สึกจุกอกจนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าหากบทบาทของทั้งสองสลับกัน เสี่ยวเชียงโดนทำร้ายขนาดนี้ พ่อของเขาจะนั่งนิ่งเล่นมือถือได้ลงคอไหม?

Sponsored Ad

    ทันใดนั้นเองแม่ของเฉียงเกอก็มาถึง แม้ว่าครูจะโทรไปบอกอาการของลูกชายให้แม่ของเขาทราบล่วงหน้าเพื่อให้แม่ทำใจไว้ก่อนแล้ว

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    แต่ทว่าเมื่อแม่ของเขามาเห็นสภาพของลูกชาย ก็อดทนไว้ รวบรวมสติอารมณ์แล้วถามเฉียงเกอว่า “เฉียงเกอ อยากให้แม่กอดไหม?” เฉียงเกอเข้มแข็งแล้วส่ายหัว

    แม่ของเฉียงเกอมองไปที่เสี่ยวเชียงและลูกชายของตนเอง จากนั้นพูดด้วยความสงบนิ่งว่า “เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทั้งสองคนก็มีความผิด มาสำนึกผิดด้วยกันทั้งสองคน จากนั้นต่างฝ่ายต่างกล่าวคำขอโทษต่อกันและกัน!”

    เด็กทั้งสองปิดปากเงียบไม่ยอมพูด จนกระทั่งเฉียงเกอเดินออกไป 2 ก้าวแล้วยื่นมือเพื่อจะจับมือกับเสี่ยวเชียง...

    พ่อของเสี่ยวเชียงยังคงก้มหน้าเล่นมือถือต่อไป จากนั้นแม่ของเฉียงเกอก็พูดว่า จงจำไว้ ไม่ว่าจะเมื่อใดการใช้กำลังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และหวังว่า บ า ด แ ผ ล ที่ได้ในวันนี้จะเป็นบทเรียนที่สำคัญให้จดจำไว้”

    ในตอนนั้นพ่อของเสี่ยวเชียงก็เงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “หากบนใบหน้าของเฉียงเกอมี ร อ ย แ ผ ล เ ป็ น อะไรก็ให้โทรติดต่อมาได้”

    แม่ของเฉียงเกอไม่ได้พูดอะไรมาก ดูออกว่าเธออดกลั้นอารมณ์ไว้ จากนั้นก็มองไปที่ลูกชายของตนเอง สิ่งนี้ทำให้ครูรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น แม่ของเฉียงเกอพูดก่อนเดินจากไปว่า “การที่เด็กเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนั้น เมื่อวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายปัญหาก็คือผู้ปกครอง เป็นเพราะฉันไม่ได้ทำหน้าที่ของผู้ปกครองที่ดี ไปเถอะลูก!”

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    4.

    แม้ว่าคนจะเดินแยกย้ายกันไปแล้ว แต่ใจของครูยังคงค้างคาใจ

    ครูคิด: หากเป็นลูกของฉันควรจะทำอย่างไร?

    ครูคิด: หากเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นลูกของตนเองโดน ทำ ร้ า ย แบบนี้ จะทำอย่างไร?

    ครูคิด: หากเป็นลูกของฉันที่โดน ทำ ร้ า ย ขนาดนี้จะทำอย่างไรดี?

    หลังจากเหตุการณ์นี้ครูได้โทรไปพูดคุยกับแม่ของเฉียงเกอถึงเหตุผลที่ทำให้เฉียงเกอ ล ง ไ ม้ ล ง มื อ ก่อน

    แม่ของเฉียงเกอตอบว่า “ฉันถามลูกของฉันแล้ว เนื่องจากเสี่ยวเชียงไม่ยอมคืนเครื่องส่องประกายแสงให้เฉียงเกอ ทำให้เขาดึงเสี่ยวเชียงไม่ยอมปล่อย ทำให้เสี่ยวเชียงหันมาใช้นิ้ว ขู ด ที่ ค อ ของเขา ทำให้เฉียงเกอ เ จ็ บ มาก เพราะเหตุนี้จึงทำให้เฉียงเกอล ง มื อ ตี เสี่ยวเชียง….”

    ที่แท้เรื่องเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ทำไมเฉียงเกอถึงไม่บอกว่าเสี่ยวเชียงลงมือก่อน? แม่ของเขาบอกว่าลูกชายไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

    ครูบอกไม่เป็นไร เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ครูแทบอยาก ร้ อ ง ไ ห้ ออกมา ประสบการณ์ของเด็กไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ก็ตาม มันคือประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่งสำหรับเด็ก มันคือการเติบโต ...

    ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงประทับใจในผู้หญิงที่ผอมบางคนนี้: เธอเห็นใบหน้าของลูกชายที่ถูกทำร้าย แต่กลับเก็บอารมณ์ได้อย่างชาญฉลาดและสงบนิ่งมาก นี่เป็นกรณีศึกษาที่ดีสำหรับเด็กและผู้ปกครอง!


(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    5.

    รุ่งขึ้น แม่ของเสี่ยวเชียงมาขอโทษต่อหน้าคนทั้งห้อง และอยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี แต่ครูก็ยังรู้สึกติดขัดในใจ หลังจากเลิกเรียนจึงโทรไปถามแม่ของเฉียงเกอว่า 

    “คุณแม่ค่ะ เรื่องเมื่อวานเฉียงเกอดูเสียเปรียบมาก คุณจะสอนลูกถึงเรื่องนี้อย่างไร? สามารถแบ่งปันได้ไหม?”

    แม่ของเฉียงเกอหัวเราะแล้วพูดว่า 

    “แน่นอนว่าหากลูกของฉันไปทำ ร้ า ย คนอื่น เ จ็ บ ขนาดนี้ฉันต้อง ทำ โ ท ษ ลูกฉันแน่ๆ แต่นี่ลูกฉันเองที่โดน ทำ ร้ า ย ก็ทำให้ฉันสงบใจได้บ้าง ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเฉียงเกอ แต่เกิดเป็นลูกผู้ชายต้องมีความเข้มแข็ง”

    “ฉันหวังว่าเขาจะสามารถรับผิดชอบและมีความสามารถในการป้องกันตนเองจากเหตุการณ์เ ล ว ร้ า ยได้ และในตอนนี้มันเป็นยุคแห่งความสงบสุข ในฐานะลูกผู้ชายฉันหวังว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษและสามารถจัดการกับปัญหาได้ดี แม้ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ตาม”

    “และอีกอย่างลูกของฉันก็ไม่ได้เสียเปรียบ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตเขาสามารถแบ่งแยกถูก-ผิดได้อย่างดี ไปที่ไหนก็เป็นที่รักใคร่ ใครดีมาก็ดีตอบ ใคร ร้ า ย มาก็จะไม่ยอมให้โดนเอาเปรียบเด็ดขาด จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนั้นจิตใจ โ ห ด เ หี้ ย ม เกิดความคาดหมายของเขา”

    “อย่าคิดว่าการที่ลูกเราเสียเปรียบจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีเสมอไป”

“ที่จริงเด็กคนนั้นที่ ทำ ร้ า ย ลูกฉันดูน่าสงสารมากกว่า เพราะอนาคตในวันข้างหน้า หากยังเป็นคนที่โ ห ด ร้ า ย แบบนี้อีก จะก่อให้เกิดเหตุการณ์ 2 อย่าง 

1.อาจถูกคนในครอบครัวรักทะนุถนอมเอาใจมากเกินไป

2.อาจถูกคนในครอบครัวทำร้าย ดุ ด่ า ทุ บ ตี จนกลายเป็นคนที่ โ ห ด ร้ า ย เพียงนี้

    บนโลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลายแบบ แต่สิ่งสำคัญให้มองคนที่จุดดีของเขา จากนั้นใช้ด้านดีของตนเองเป็นแสงส่องนำเพื่อพยายามนำเขาไปสู่การพัฒนาของในทางที่ดี 


(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)

    6.

    จากเหตุการณ์นี้อยากถามว่า ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ? แล้วถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ คุณจะสามารถปกป้องลูกของคุณได้ทุกครั้งเลยหรือ?

 ผู้ปกครองทั้งหลายสู้ๆต่อไปเพื่อให้ลูกของเราเติบโตมาในสังคมได้ด้วยตนเอง เพราะผู้ปกครองไม่สามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้ลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะ


ที่มา:readthis

แปลและเรียบเรียงโดย สารพันคนท้อง

บทความที่คุณอาจสนใจ