เปิดใจ "ม๊าจุ๋ม" ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ "แบมแบม GOT7" จากเด็กล้างจานสู่ ซุปตาร์เกาหลี

คอมเมนต์:

แบมแบมน่ารักกกกกก

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        จากเด็กล้างจาน-สู่ซุปตาร์เกาหลี! เปิดใจ ‘ม๊าจุ๋ม’ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ‘แบมแบม GOT7’ (ชมคลิปท้ายข่าว)

        การที่จะประสบความสำเร็จในแต่ละสายอาชีพได้นั้น เชื่อว่าความสามารถและโอกาสถือเป็นใบเบิกทางสู่ความฝันได้ แต่การสนับสนุนและแรงผลักดันจากครอบครัวถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า 

 

Sponsored Ad

 

        วันนี้ “ไลค์เกอร์ดอมคอม” ได้มีโอกาสพูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ “ม๊าจุ๋ม กชกร ภูวกุล” ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินบอยแบนด์แดนกิมจิเชื้อสายไทยอย่าง “แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” หรือ “แบมแบม GOT7” ถึงเส้นทางความสำเร็จในครั้งนี้ว่า

 

Sponsored Ad

 

        Q : วิธีการเลี้ยงลูกสไตล์ “ม๊าจุ๋ม”  

        A : เราจะเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์และไม่สปอยล์ลูกเลย ถ้าลำบากก็ลำบากด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน ด้วยความที่พ่อของพวกเค้าเสียตั้งแต่ยังเล็ก เลยทำให้เราเรียนรู้ว่าชีวิตมันไม่แน่นอน เราเองจะไปวันไหนก็ไม่รู้เพราะฉะนั้นเราจะพยายามดึงลูกเข้ามาเรียนรู้ชีวิตพร้อมๆกันให้มากที่สุด ซึ่งมันก็เป็นข้อดี เพราะพอลูกๆโตขึ้นแล้วไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้รักสบายอย่างเดียว จะเกิดอะไรขึ้นลูกเราก็รับสภาพได้แน่นอน นอกจากนี้เวลาที่เลี้ยงลูกแม่ก็จะพยายามเป็นเพื่อนเค้าให้ได้มากที่สุด แบบคุยกันได้ทุกเรื่อง มันทำให้เราสามารถเข้าถึงพวกเขาได้ทุกมุม แม่จะรู้จักเพื่อนลูกทุกคน พอรู้ว่าเค้าคบคนดีๆเราก็สบายใจ

 

Sponsored Ad

 

        Q : การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จุดที่ยากสุดคืออะไร 

        A : สิ่งที่ยากและหนักใจที่สุดเลยก็คือ “ความคิดเห็นของคนอื่น” ซึ่งตอนที่พ่อเค้าเสีย ลูกแต่ละคนยังเล็กมากก็จะมีหลายคนที่เสนอและอยากที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการ “ฉันเอาลูกคนนี้ไปเลี้ยงให้ไหม” ซึ่งเราเองก็ไม่อยากให้ลูกเรากระจัดกระจาย เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะผ่านมันไปได้คือต้องทำให้ทุกคนเห็นว่าเราสามารถเลี้ยงลูกเองและหาให้ลูกกินได้ ถึงบางครั้งมันจะไม่มีเลย แต่ก่อนกินแต่ไข่กันทั้งอาทิตย์

 

Sponsored Ad

 

        เราก็ผ่านมาแล้ว หยิบยืมเงินจากคนอื่นเพื่อมาเลี้ยงลูกก็ผ่านมาแล้ว เพราะด้วยความหวังดีจากหลายคนมันทำให้ชีวิตแทบจะไม่เป็นของเราเลย ต้องบอกเลยว่าได้เรียนรู้ชีวิตช่วงนั้นเยอะมาก เราเลยบอกลูกว่าถ้าไม่อยากอยู่ในสภาพแบบนี้ต้องช่วยกันนะ ต้องช่วยกันทำมาหากินให้รอดไปได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่น แล้วลูกก็ต้องรู้จักใช้เงินและขยันทำมาหากิน เวลาไปขายของที่ตลาดนัดลูกทุกคนต้องไปช่วยกัน เพื่อพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าถึงเราจะไม่รวยเราก็อยู่ได้

        Q : ลูกสี่คนต่างกันยังไงบ้าง 

 

Sponsored Ad

 

        A : แตกต่างกันมากนะ จริงๆเลี้ยงมาด้วยกันแต่ด้วยพื้นฐานอารมณ์ของแต่ละคนจะค่อนข้างต่างกัน อย่างพี่เบียร์พี่คนโตจะเป็นคนเนิบๆ ใจดี โลกสวยมาก พี่เบียร์จะสามารถเป็นเพื่อนแม่ได้ ไม่ว่าแม่ไปไหนจะมีเค้าเป็นที่ปรึกษาได้ตลอด ส่วนพี่แบงค์พี่ชายคนรองจะเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก คนนี้ไม่ต้องห่วงเลยเพราะเค้าเอาตัวรอดได้ เพราะเค้าทำงานเลี้ยงตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนแบมแบมจะเป็นประเภทติด

        แม่ อะไรๆก็แม่ คล้ายพี่เบียร์ ขนาดไปทำงานที่เกาหลีมีอะไรยังโทรหาและปรึกษาแม่แทบจะทุกวัน ส่วนเบบี้น้องคนเล็กจะคล้ายพี่แบงค์ ไม่ว่าอะไรฉันก็ทำได้ ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ เป็นลูกสาวคนเล็กคนเดียวที่ห้าวมาก ลูกเราจะเหมือนกันเป็นคู่ๆ

 

Sponsored Ad

 

        Q : ลูกๆทะเลาะกันบ่อยไหม 

        A : พี่น้องสี่คนรักกันมากไม่เคยทะเลาะกันแรงๆเลย มีแต่เถียงๆกันบ้าง พอเรารู้ว่าลูกเราแต่ละคนนิสัยยังไง เราก็จะพยายามใช้วิธีที่ต่างกันไปตามนิสัยของแต่ละคน เพื่อให้พวกเค้าเข้าที่เข้าทางโดยที่ไม่โหดจนเกินไป ไม่งั้นลูกเราจะแอนตี้และไม่สบายใจ

Sponsored Ad

        Q : ตอนตัดสินใจให้ลูกชายตัวน้อยๆในวันนั้นอย่าง “แบมแบม” ไปทำงานไกลตา รู้สึกยังไง 

        A : จริงๆเรารู้ว่าเค้าพอดูแลตัวองได้ และเราเองก็ศึกษาบริษัท รวมถึงข้อเสนอต่างๆของค่ายค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องที่อยู่ – ที่กิน ทำให้เราค่อนข้างอุ่นใจว่าถ้าลูกไปน่าจะไม่ต้องลำบากเท่าตอนที่อยู่กับเรา และแม่ก็ให้แบมตัดสินใจเองว่าจะไปหรือไม่ไป ซึ่งเราจะบอกกับลูกเสมอว่า “ไม่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จกลับมา” ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่บ้านเรา เราอยู่ได้เหมือนที่เคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เพราะถ้าอยู่ที่นั่นจริงๆแรงกดดันเยอะมากนะ แล้วถ้ายิ่งไปกดดันลูกว่า “เธอต้องทำให้ได้” ลูกเราก็จะไม่ไหวและกดดันเพิ่มขึ้นไปอีก

        Q : ตอนนั้นคุณแม่ติดต่อลูกยังไง 

        A : ตอนแรกที่แบมไปเราช็อคมาก เพราะโดนค่าโทรศัพท์ไป 7,000 กว่าบาท หลังๆมาเราก็ให้ลูกเป็นคนโทรมาแล้วบอกว่า “จ่ายให้ม๊าด้วยนะลูก(หัวเราะ)” แต่ตอนนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็มากขึ้น การสื่อสารก็เริ่มพัฒนา นอกจากโทรคุยกันเรายังวิดีโอคอลคุยกันได้ ก็สบายใจเพราะต่อให้ลูกไปอยู่ที่นู่น เราก็ยังรู้ความเคลื่อนไหวของลูกอยู่ตลอดเวลา เค้าเองก็ไม่มีเคยความลับกับเราเลย

        Q : วินาทีแรกที่ได้เห็นลูกเรายืนอยู่บนเวทีและประสบความสำเร็จ รู้สึกอย่างไรบ้าง 

        A : ภูมิใจมาก จริงๆอย่างแบมเนี่ยเป็นอะไรที่เกินคาดเอาไว้เยอะมาก ไม่คิดว่าลูกจะดังและมีคนรักเยอะขนาดนี้ คิดว่าอย่างมากก็น่าจะช่วยที่บ้านได้ระดับนึง เช่น ถ้าสมมุติเดือนนี้เรากิน 20วัน อด10วัน แต่ถ้าแบมทำตรงนี้ได้ เราอาจจะได้กินทั้งเดือน ตอนแรกคิดและหวังไว้แค่นี้จริงๆ แต่สิ่งนึงที่ต้องยอมรับเลยก็คือ เท่าที่ดูลูกตัวเอง แบมเป็นเด็กที่พยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แบมจะพยายามคิดตลอด

        เวลาว่าจะทำยังไงให้ตัวเองทำงานออกมาได้ดีกว่าเดิม เค้าจะมีเป้าหมายของเค้าทุกปีว่าปีนี้จะต้องทำแบบนี้ให้ได้นะ ด้วยความเป็นเด็กไทยและเราเองก็สอนให้ลูกอ่อนน้อมถ่อมตน แบมไปไหนก็จะอ่อนน้อมและไหว้ทุกคนเสมอ จนทำให้ทุกคนเอ็นดูและช่วยสนับสนุนลูกอยู่ตลอด

        Q : มีวิธีรับมือกับแรงกดดันรอบตัวและผ่านดราม่าต่างๆในชีวิตมาได้ยังไง 

        A : เราทุกคนในบ้านจะช่วยเตือนกัน ถ้าใครคนนึงร้อน คนอื่นจะคอยเบรก มันเป็นเพราะสมัยก่อนบ้านเรามีประสบการณ์ที่ไม่ตอบโต้ใคร สุดท้ายเราก็โดนเค้าเหยียบและเอาเปรียบอยู่ตลอด แต่ก่อนตอนเป็นแม่ค้าขายเครื่องประดับ พอชีวิตดีขึ้นมาหน่อยก็มีคนที่ตกอยู่ในสถานะเดียวกับเรา ก็คือเป็นแม่หม้ายเหมือนกันมารับของเราไปขาย เราสงสารก็ช่วยเค้า สุดท้ายเค้าก็โกง พอเราทวงของคืนบ่อยเข้า เขาก็ไป

        ปล่อยข่าวกับชาวบ้านว่าสามีเราตายเพราะเป็นเอดส์นะ แล้วช่วงนั้นข่าวคนเสียชีวิตเพราะเอดส์กำลังดังเลย จากนั้นครอบครัวเราก็โดนนินทาว่าร้าย เราเลยรู้สึกว่าบางทีถ้าเราไม่ทำอะไรเลยคนก็จะเอาเปรียบอยู่ตลอด ยิ่งถ้าเรื่องลูกนี่ไม่ได้เลย แม่เซ้นซิทีฟเรื่องลูกมากเพราะเรามีกันอยู่แค่นี้ คือถ้าลูกฉันผิดฉันจะด่าเอง แต่ไม่ให้ใครมาว่าร้ายลูกเรา แรกๆเราอ่านคอมเมนต์คนที่มาด่า ยอมรับเลยว่าร้องไห้ทั้งคืนจนถึงเช้า สงสารทั้งตัวเองทั้งลูก ก็คิดว่านี่เราส่งลูกมาให้คนด่าเล่นทำไม ลูกก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังต้องให้คนมานั่งด่าลูกเราอีกหรอ แต่พอผ่านมาเรื่อยๆหลายๆครั้งเข้า เราก็รู้สึกว่าปล่อยเถอะ เพราะเราไม่สามารถตอบโต้ทุกคนได้ เลือกมองแค่คนที่รักเราดีกว่า

        Q : ฝากอะไรถึงแฟนคลับที่รักเราและลูกของเราทุกคน
 
       A : ต้องขอบคุณจริงๆ เพราะปัญหาหลายอย่างเราผ่านมาได้เพราะแฟนคลับจริงๆนะ ชีวิตพวกเราเปลี่ยนไปเยอะมาก จากที่เคยโดนคนดูถูก ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนคนก็รักและให้เกียรติเรา มันเหมือนมีกำลังใจว่ามีคนคอยอยู่ข้างๆตลอด ถ้าไม่มีพวกเค้าก็ไม่มีเราในวันนี้ เรารู้ว่าแฟนคลับไม่เคยต้องการจะเรียกร้องอะไรเลย แถมยังเสียเวลามานั่งคอยลูกเรา เรารู้สึกว่ามันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ แม่จะบอกแบม

        เสมอว่าอย่าลืมตัว แฟนๆให้เราเยอะขนาดนี้เพราะฉะนั้นอะไรที่เราสามารถตอบแทนแฟนๆได้ก็ตอบแทนซะ ไม่ใช่พอมีชื่อแล้วหยิ่ง แบบใครก็แตะตัวไม่ได้ เดินไม่ยิ้มกับใคร แบบนั้นไม่โอเคนะ ซึ่งถ้าวันไหนมีข่าวมานิดนึงว่าน้องหน้าหงิกแม่จะโทรว่าเลย เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด หลายครั้งที่เราตามความคืบหน้าของลูกจากแฟนคลับ มันเหมือนทุกวันนี้มีแม่ๆรอบตัวแบม ทุกคนเอ็นดูและคอยปกป้องลูกเรา มันทำให้คนเป็นแม่รู้สึกอุ่นใจที่เรามีกันและกัน นอกจากสมาชิกในครอบครัวแล้ว แฟนคลับก็ถือเป็นคนสำคัญที่สุดของบ้านเราจริงๆ (ยิ้ม)

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

---------------


ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

ข้อมูลและภาพ จาก truststoreonline

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ