คำว่า "คู่ชีวิต" คือคนละครึ่งมาประจบกัน ถึงจะเป็น "คู่ที่สมบูรณ์" เดินไปด้วยกันอย่างราบรื่น

คอมเมนต์:

แล้วคู่ของฉันอยู่ที่ไหน

        ชีวิตแต่งงานไม่ได้บอกว่า “สิ่งที่ฉันชอบ คุณจะต้องชอบ” แต่คือ “ฉันไม่เกลียดสิ่งที่เธอชอบ” ก็พอแล้ว

 

        คำว่าอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่แรกเริ่มก็พอดี แต่คือการค่อยๆ ปรับจนพอดีกันไปเรื่อยๆ เธอเพิ่มอีกนิด ฉันลดอีกหน่อย เหมือนการต่อจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดชีวิต

 

Sponsored Ad

 

        “คู่ชีวิต” ใครก็แยกจากใครไม่ได้ และจะไม่ยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายง่ายๆ เคยเห็นแบบสอบถามก่อนหน้านี้ ถามเด็กสาวว่า สมาชิกในครอบครัว พ่อแม่ ลูก สามี และอาชีพ ถ้าต้องเลือก อะไรที่คุณจะตัดออกเป็นอย่างแรก ?

        เด็กสาวเลือกตัดอาชีพออกก่อน จากนั้นก็สมาชิกในครอบครัว พ่อแม่ เหลือสามีกับลูกที่เลือกยาก สุดท้ายเลือกที่จะตัดลูกออก เก็บสามีไว้ เหตุผลก็คือคนในครอบครัว พ่อแม่ ลูก สุดท้ายแล้วก็จะจากเราไป แต่สามีเป็นคู่ชีวิตไปตลอดชีวิต คำถามนี้โหดร้าย แต่คำตอบกลับจริง “คู่ชีวิต” ก็คือคนละครึ่งมาอยู่ด้วยกัน ถึงจะสมบูรณ์

 

Sponsored Ad

 

กลัวความโดดเดี่ยวต้องการ “คู่ชีวิต”

        ปัจจุบันนี้คนมากมายเหมาะสมที่จะแต่งงานกลับไม่แต่ง คนแก่เห็นแล้วก็แปลกใจ ในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า 50-60 ปีมานี้ไม่มีสงคราม คนหนุ่มสาวเติบโตมาภายใต้ความรักความอบอุ่นของครอบครัว 

        ดังนั้นจึงคิดว่าเป็นโสดก็สามารถมีชีวิตดีๆ ได้ คนโสดไม่รู้สึกว่าจะเป็นต้องมีคู่ มันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถอยู่คนเดียวได้อย่างปกติสุข อายุยังไม่มาก ไม่มีความกดดันเรื่องอายุ พออายุถึงระดับหนึ่งก็จะเริ่มรู้สึกเหงา กลัวความโดดเดี่ยวก็เลยมองหาคนมาอยู่ข้างๆ ตอนนั้นถึงจะรู้สึกว่าต้องการคู่ชีวิต

 

Sponsored Ad

 

ครอบครัว เป็นเงา “เบื้องหลัง” ของแต่ละคน

        ถ้าจะแต่งงาน ตามคำโบราณที่ไม่ค่อยรับผิดชอบเท่าไหร่ก็จะบอกว่า ขึ้นอยู่กับโชคชะตา นอกจากโชคชะตาแล้วก็ยังมีความต้องการทางเพศ ต้องเลือกอย่างมีเหตุผล ชีวิตแต่งงานต้องการเหตุผลจริงๆ ถ้าลูกสาวพูดเรื่องแต่งงาน ฉันจะต้องขอดูครอบครัวของอีกฝ่าย ครอบครัวแบบไหน ก็จะเลี้ยงลูกออกมาแบบนั้น แน่นอนว่ามีเด็กที่บ้านแตก ที่ต้องพยายามอย่างหนักที่จะรักษาครอบครัวที่มีความสุขของตน ต้องอยู่อย่างละเอียด ระมัดระวัง

“การประนีประนอม” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตแต่งงาน

 

Sponsored Ad

 

        อีกประโยคที่คนโบราณชอบพูดคือ การแต่งงานต้องการคนสองคนที่มีค่านิยมเหมือนกัน แต่ไม่ได้แปลว่า “สิ่งที่ฉันชอบ เธอจะต้องชอบ” แต่คือ “ฉันไม่เกลียดสิ่งที่เธอชอบ” ก็พอ สองคนประนีประนอม ยอมลงให้อีกฝ่าย ยอมลองสิ่งที่ตัวเองเคยเกลียด ลองดูว่ามันรับไม่ได้จริงๆ หรอ การเต็มใจที่จะประนีประนอมแบบนี้ ง่ายกว่าที่จะรักษาความรู้สึก

        ซึ่งความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดของการแต่งงานและความรักคือ การยอมหรือไม่ยอมเปลี่ยน ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่ออีกฝ่าย ถึงจะเป็นรักแท้ ถ้าไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า ความสัมพันธ์นี้อยู่ได้ก็เพราะอีกฝ่ายรักคุณ

 

Sponsored Ad

 

        ความรักเกิดขึ้นหลังพบปะกันไม่นาน เพราะอยากอยู่ด้วยกันถึงได้เริ่มต้น พออยากจากก็จบลง เริ่มต้นรักร้อนแรง เขาที่อยู่ข้างหน้าคุณอะไรก็ดี เป็นคนที่เท่ที่สุด สวยที่สุดในโลก ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร แต่เมื่อความรักเริ่มเหนื่อย ก็จะพบว่าความเท่ของคนๆ นี้ไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจ สวยเกินไปก็แย่ แม้แต่ตำแหน่งของรอยสักก็ยังไม่ถูกต้อง แล้วก็เลิกกันเพราะนิสัยเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นความรักก็คือการเรียนรู้ที่จะรักที่จะเลิก

 

        ศิลปะของการอยู่ด้วยกัน ต้องใช้ความรู้สึก เมื่อแต่งงานแล้ว แน่นอนว่าต้องมีความขัดแย้งมากมายเกิดขึ้น จุดสำคัญของการเรียนรู้คือ “ศิลปะของการอยู่ด้วยกัน”

 

Sponsored Ad

 

        บนที่ 1 ที่ผู้ชายควรเรียน ก็คือเวลาเข้าห้องน้ำ ต้องยกที่รองนั่งขึ้น เริ่มแรกเปลี่ยนแปลงไม่ง่าย ต่อมาก็จะค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในชีวิตประจำวัน เป็นธรรมชาติเหมือนการกินข้าว ดื่มน้ำ ภรรยาบางคนบอกว่าไม่ใช่แค่ยกที่รองนั่งขึ้น แต่พอฉี่เสร็จแล้วอยากให้สามีเอากระดาษทิชชู มาเช็ดรอบๆ ไม่ให้เห็นคราบทิ้งไว้ ตามนิสัยของผู้ชายแล้ว จะต้องแบบ “ไม่ทำแล้วไง....” แต่พอแต่งงานแล้ว สามีที่ดีจะฟังความเห็นของภรรยา

        เพราะข้างในคำว่า “รัก” มีหัวใจ ไม่ใช่แค่การใช้สมองคิดว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญให้เขาดี รักใครสักคนต้องใช้ใจ เรียนรู้ที่จะ “รัก” ก็จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามธรรมชาติ

Sponsored Ad

        ภรรยาทุกคนเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเพื่อความรัก เช่นจากเดิมไม่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ก่อนแต่งงานรู้ว่าสามีชอบดำน้ำ แบกถังอากาศหนักเป็นสิบกิโลแล้วโดดลงน้ำ หลังแต่งงานสามีก็ยังอยากดำน้ำ เธอก็บอกว่า “อย่าเลย” เหตุผลคือมีลูกแล้ว ไม่ควรทำกิจกรรมที่อันตราย แต่ก่อนใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองใหญ่ ต้องดูแลตัวเอง ต่อสู้เพื่ออนาคต เป็นการยากที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้นโดยไม่เห็นแก่ตัว หลังแต่งงานเรียนรู้ที่จะเรียกแม่ของภรรยาว่า “แม่” มีของอร่อยกินก็ไม่สามารถเอาใส่ปากตัวเองได้ก่อน ต้องให้ภรรยากินก่อน ต้องเริ่มรู้จักรักและทะนุถนอม เพราะว่าภรรยาแสนดี ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ ไม่อยากให้เธอเจ็บปวดใจ

        เรียนรู้ที่ยอม เรียนรู้ที่จะรักไปตามธรรมชาติ และเปลี่ยนแปลงตัวเองไปตามธรรมชาติ จากเห็นแก่ตัวกลายเป็นใจกว้าง เส้นทางของชีวิตแต่งงานมีวิวข้างทางที่คล้ายๆกันทุกวัน ซ้ำๆ เดิมๆ ความสัมพันธ์จะเข้ากันให้ได้ดี ต้องมีปัญญา เพราะงั้นการหาคู่ชีวิต ไม่ใช่แค่ดูว่ารูปลักษณ์ภายนอกสวยหล่อ คุณต้องหาคนที่เวลาคิดถึงเขาใจคุณจะหวานซึ้ง หันหลังกลับไปมอง เห็นเขาคนนั้นอยู่ในแสงสลัว นั่นคือคู่ชีวิตที่ดีที่สุด

        คู่ชีวิตก็เหมือนจิ๊กซอว์ คนที่จะมาเป็นคู่กัน ไม่ใช่เริ่มต้นก็หาเจอคนที่พอดีกัน ระหว่างทางต้องมีการแก้ไขตลอดเวลา คุณเพิ่มอีกนิด ฉันลดลงอีกหน่อย เหมือนจิ๊กซอว์ที่ประกอบเข้าด้วยกัน ถึงจะเดินไปด้วยกันได้ชั่วชีวิต แน่นอนว่าเวลาไม่เคยปราณีใคร สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องแยกจาก

        เหมือนที่แม่ฉันแต่งงานกับพ่อตอนอายุ 16 ปี รักกันอยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต 10 กว่าปีก่อนหลังจากพ่อเสีย แม่ก็เหมือนขาดไปครึ่งหนึ่ง มักจะเหม่อมองไปไกลๆ เหมือนพ่ออยู่ตรงนั้น ใครเห็นก็สงสาร ชีวิตคนเราถ้าขาดการแต่งงาน ขาดการให้ความสำคัญและความรู้สึกว่าจะต้องมีลูกเพื่อสืบทอดครอบครัว ก็คงสูญเสียรสชาติไปอย่างมาก เพราะงั้นถ้าคุณเป็นคนที่มีครอบครัวแสนสุข ก็ขอให้ทะนุถนอมมันไว้ให้ดี

แปลและเรียบเรียงโดย LIEKR