"น้ำแข็งก้อนเดียว" เกือบพรากลูกไปแล้ว! คุณพ่อแชร์ประสบการณ์สุดระทึก เตือนอย่าละสายตาจากลูก!
คอมเมนต์:
หมายเหตุ:สามารถรับชมคลิปที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ
พ่อเล่าประสบการณ์ ละสายตาจากลูกจนเกือบเสียลูกไปตลอดกาล หลังลูกหยิบก้อนน้ำแข็งเข้าปากแล้วติดคอ แนะใส่หลักสูตรการปฐมพยาบาลในการเรียนการสอน
คุณพ่อรายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์การดูแลลูก ผ่านกระทู้ "น้ำแข็งก้อนเดียวเกือบพรากลูกไปจากผมแล้ว" โดยเล่าเรื่องราวไว้ดังนี้...
Sponsored Ad
เรื่องราวนี้ขอแชร์เป็นประสบการณ์ในการดูแลลูกนะครับ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวานตอนเย็นสักประมาณหนึ่งทุ่ม พาลูกไปกินข้าวนอกบ้านกันสามคนพ่อ-แม่-ลูก ระหว่างนั้นได้สั่งอาหารกัน เจ้าของน้ำได้นำน้ำดื่มพร้อมถังน้ำแข็งมาตั้งไว้ให้ พอดีตั้งไว้หน้าลูกผมพอดี ผมเห็นลูกหยิบน้ำแข็งใส่แก้วก็ชมว่าเก่งบริการผู้ใหญ่ด้วย หลังจากลูกได้หยิบน้ำแข็งใส่แก้วครบ น้องกลับหยิบน้ำแข็งเข้าปากโดยที่เราไม่ได้สังเกตุ ตอนนั้นน้องก็มาคุยกับผม แต่สักพักน้องเงียบไปจากนั้นมันมือมาสะกิดช่วงนั้นผมดูบอลไทยเตะด้วยจึงไม่ได้สนใจอะไร
Sponsored Ad
จากนั้นน้องได้เอามือตีมาที่ใหล่ผมแรงมากผมหันมองจะถามว่าตีพ่อทำไม แต่เห็นน้องเหมือนจะพูดอะไรแต่พูดไม่ได้ ตาค้างเลย ผมคิดแว๊ปแรก คือน้ำแข็งติดคอแน่นๆ ตอนนั้นน้องเหมือนจะใกล้หมดสติผมเริ่มจับน้องก้มหน้าแล้วทุบไปที่หลังทุก3-4ที แต่ไม่เห็นมีอะไรหลุดออกมา ตอนนั้นใจสั่นเลย น้องเหมือนพยามหายใจได้ยินเสียงน้องหายใจแบบเฮือกสุดท้าย ผมจับน้องพาดบ่าแล้วทุบไปที่หลังและกระโดดไปด้วยทำอยู่ 3-4ทีทุกคนในร้านตกตะลึงมาก มีผู้ชายคนนึงมาช่วยยกขาน้องให้ชี้ฟ้าแล้วผมก็ทุบไปอีกครั้งนึง น้ำแข็งหลุด ทุกคนบอกหลุดแล้วคนในร้านเฮกันใหญ่ ผมน้ำตาไหลเลย
Sponsored Ad
(ภาพประกอบบทความ)
น้องหายใจได้กอดผมแน่น น้องบอกกลัวหนูกลัวผมบอกลูกว่า "ลูกพ่อ ลูกไม่เป็นไรแล้วลูกรอดแล้ว" เจ้าของร้านบอกว่าขนลุกเลย ผมกอดลูกแน่นเลยคิดในใจตอนนั้นถ้าลูกเป็นไร ผมคงอยู่ไม่ได้ เมียผมนี้ช็อกตัวแข็งเลย โชคดีที่ผมยังมีสติ การปฐมพยาบาลนี้มีประโยชน์จริงๆ ขอบคุณบริษัทที่ได้ส่งผมไปอบรมเรื่องนี้ ผมก็ไม่คิดว่าน้ำแข็งเกือบเอาชีวิตลูกผมไปทั้งที่น้อง 6ขวบแล้ว ผมเคยช่วยคนจมน้ำมา ผมว่าผมตื้นเต้นแล้ว แต่เกิดกับลูกของตัวเองผมนี่ตื่นเต้นจนตัวสั่น นอนกอดลูกทั้งคืน สวดมนต์ทั้งคืนนอนไม่หลับเลยคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลย แต่น้องปลอดภัยแล้ว ตืนเช้ามาบ่นบอกเจ็บหลังสงสัยจะทุบไปหลายทีไปหน่อย เหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดกับใครก็ได้ ขอให้มีสติ และอยากให้หลักสูตรการปฐมพยาบาลเข้ามาอยู่ในการเรียนการสอน เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดได้กับทุกคนจริงๆ ขอแชร์ประสบการณ์ ไว้เท่านี้ครับ (ตอนนี้ยังใจสั่นอยู่เลย)
Sponsored Ad
ทั้งนี้มีสมาชิกเว็บไซต์ pantip อีกหลายคนเข้ามาแสดงความยินดีกับคุณพ่อและแชร์วิธีปฐมพยาบาลผู้ที่มีสิ่งของติดคออย่างถูกต้อง
Sponsored Ad
สิ่งแปลกปลอมติดหลอดลมเป็นหนึ่งในภาวะไม่กี่ภาวะที่ต้องช่วยเหลือภายในเวลาเป็นหลักวินาที ( โรคอื่นๆแม้แต่เส้นเลือดหัวใจตีบหรือเส้นเลือดสมองแตกยังมีเวลานำส่งโรงพยาบาลเป็นเวลาหลักนาที ) #ต้องช่วยเหลือปฐมพยาบาลก่อนเท่านั้น ไม่มีการพาขึ้นรถไปรอช่วยที่โรงพยาบาลเพราะไปไม่ทันแน่นอน ( แต่ให้โทรเรียกรถโรงพยาบาลไว้รอเลยกรณีอุดตันรุนแรงหรือหมดสติ )
เรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอกับลูกหลานรวมทั้งผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ พวกเราทุกคนควรเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไข และสอนให้ผู้ดูแลรู้วิธีด้วย
Sponsored Ad
>> การป้องกันดีกว่าแก้ไข : ระวังอาหารแข็งขนาดที่อาจติดหลอดลมได้หรือเป็นก้อนกลม ลื่น ที่อาจเผลอหลุดไปโดยไม่ทันได้เคี้ยวรวมทั้งหมั่นดูสิ่งของและของเล่นเด็กในบ้านให้แน่ใจว่าไม่มีชิ้นส่วนขนาดเล็กที่อาจเอาเข้าปากแล้วสำลักลงไป
>> เมื่อเกิดเหตุการณ์
Sponsored Ad
ข้อ 1 ภายในเวลาชั่วอึดใจ ให้ทำอย่างรวดเร็วคือ อาจ #ลองอ้าปากส่องสำรวจให้เห็นวัตถุแปลกปลอม เพราะบางทีเป็นวัตถุเหนียวหรือใหญ่ที่ยังคาในช่องปากส่วนบนและสามารถล้วงเอาออกมาได้
>> ข้อแม้คือ : ถ้ามองไม่เห็นไม่แนะนำการล้วงควานหา เพราะบางครั้งอาจเป็นการดันให้สิ่งแปลกปลอมลงไปลึกกว่าเดิม ถ้า "มองไม่เห็น" ไม่ควรรีรอให้เสียเวลา ไปสู่ข้อ 2 ทันที
ข้อ 2 "#หัตถการเพื่อเพิ่มความดันในช่องอก" การเขย่า , จับห้อยหัวไม่อาจทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาจากหลอดลมได้ ข่าวดีคือ วัตถุอุดในหลอดลมที่เป็นท่อลม เราสามารถกดจากภายนอกเพื่อเพิ่มความดันในช่องอกให้สูงขึ้นแล้วความดันในหลอดลมก็จะสูงขึ้นตามจนดันวัตถุที่อุดอยู่ให้หลุดออกมาได้
โดยแบ่งง่ายๆดังนี้
- เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบ : นอนหงายประคองด้วยแขนหรือหน้าตัก กดด้วยนิ้วสองนิ้วลงไปตรงๆ บริเวณกระดูกอกตรงกลาง 5 ครั้ง สลับคว่ำหน้าหันหัวลงประคองด้วยแขนและหน้าตักตบด้วยอุ้งมือกลางหลัง 5 ครั้ง
-เด็กอายุมากกว่า1ขวบและผู้ใหญ่ที่ยังไม่หมดสติ : เข้าช่วยเหลือด้านหลัง กำมือหนึ่งมืออีกมือประคองกระตุกกดบริเวณลิ้นปี่ใต้ชายโครง ( เหนือสะดือ ) ดัน "เข้าหาตัว" และดัน "ขึ้น" บางสถาบันให้ทำ 5 ครั้ง สลับตบกลางหลัง 5 ครั้ง แต่บางสถาบันให้กดท้องอย่างเดียวไม่ต้องตบหลัง ทำซ้ำๆจนกว่าวัตถุจะหลุดออกมา
-เด็กหรือผู้ใหญ่ที่หมดสติแล้ว เดิมให้ลองกดท้องตรงลิ้นปี่ในท่านอนหงายแต่ปัจจุบันไม่ค่อยแนะนำให้กดท้องอีก ให้เริ่มกดหน้าอกปั๊มหัวใจกู้ชีพและเป่าปากช่วยการหายใจเลย ( CPR ) โดยในระหว่างการกดหน้าอกปั๊มหัวใจ วัตถุที่ติดมีโอกาสหลุดออกมาได้
เรื่องแบบนี้เกิดได้ทุกวัน เมื่อไหร่ก็ได้ เรียนรู้วิธีไว้แต่วันนี้ เมื่อถึงเวลาเกิดขึ้นจริง อย่างน้อยก็มีหลักการอยู่ในใจให้ทำได้ถูกมากกว่าตอนนั้นว่างเปล่าทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
ชมคลิปที่เกี่ยวข้อง...
คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<
ข้อมูลและภาพจาก tnews