กว่าจะมีวันนี้ "อิงฟ้า" ย้อนเล่ามรสุม ไม่มีเงินซื้อข้าว แม่ป่วย-สูญเสียคุณพ่อ

คอมเมนต์:

น้อยคนจะรู้ว่ากว่าที่ #อิงฟ้า #มิสแกรนด์ไทยแลนด์2022 จะฝ่าฟันผ่านมาจนอยู่จุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย

    ชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว สำหรับ "อิงฟ้า วราหะ" มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ที่ล่าสุดได้มาเปิดเผยเรื่องราวเบื้องหลังชีวิตที่น้อยคนจะรู้ว่า กว่าที่เธอจะฝ่าฟันผ่านมาจนอยู่จุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงขั้นไม่มีเงินซื้อข้าว แม่ป่วย วินาทีสูญเสียคุณพ่อที่ทำเอาชีวิตเครียดหนักถึงขั้นคิดสั้นมาแล้วหลายครั้ง

    อิงฟ้า เปิดใจว่า ชีวิตเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากคนที่ว่างงานมาเยอะในช่วงมีการแพร่ระบาด ตอนนี้กลายเป็นว่างานแน่นจนแทบไม่ได้นอน 

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากได้รับตำแหน่งมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ตนก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อยก-แม่ยกมากมาย ทั้งเปย์พวงมาลัยตอนที่ไปออกคอนเสิร์ต แล้วมีทองคำ ที่ดินด้วย ถ้าตีเป็นมูลค่าก็น่าจะประมาณหลักล้าน

    ถ้าถามว่ารู้สึกยังไงที่มีคนมาเปย์ให้เยอะขนาดนี้ มันเกินความคาดหมายมาก ๆ ตนไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่จุดนี้ได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าคนที่เขารัก เขาจะซัพพอร์ตเรามากขนาดนี้

    แต่กว่าจะประสบความสำเร็จทุกวันนี้ มีช่วงแอบท้อเยอะมาก เพราะว่าการเก็บตัวมันค่อนข้างที่จะเหนื่อย บางทีเจอกระแสดราม่าก็ทำให้เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ

 

Sponsored Ad

 


    ตนก็สู้และผ่านตรงนั้นมาได้ เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตและต่อยอดชีวิตครอบครัวของเราให้ดีขึ้น ก็ต้องสู้ กำลังใจจากแฟนคลับก็สำคัญมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่แฟนนางงานตั้งแต่เริ่ม แต่เป็นแฟนคลับที่มาจากกลุ่มร้องเพลง ทำขวัญนาค หรือว่าคนที่มาจากกระแสการจิ้น หรือว่าการที่เรามีจุดยืนของเรื่อง LGBTQ เขาก็จะมาตามเราตรงนี้ ซึ่งเขาจะไม่เข้าใจบริบทของนางงามว่ามีดราม่าเยอะขนาดนี้เลยเหรอ คอยเป็นกำลังใจให้เรา มันก็เลยเกิดแรงซัพพอร์ตที่มันค่อนข้างมาก

 

Sponsored Ad

 

    แต่การที่ต้องเหนื่อยแล้วมาถึงจุดนี้ เรียกได้ว่า คุ้มค่าจนหายเหนื่อยเลย วันที่ได้มงกุฎคือไม่เล่นโซเชียลอะไรเลย นอน อิ่มแล้วก็หลับเลย หายเหนื่อย 

    อิงฟ้ายังเผยอีกว่า ครอบครัวเหมือนโดนคำสาป อยู่ที่ไหนไม่เคยเกิน 3 ปี ต้องย้ายตลอด ตั้งแต่เด็กอยู่อุทัย ย้ายไปศรีสะเกษ แล้วกลับมาอุทัย อุทัยกลับมาสุพรรณ สุพรรณไปราชบุรี ราชบุรีกลับมาอุทัย อุทัยกลับมากรุงเทพฯ ความที่พ่อเป็นศิลปิน ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่โอเค ไม่รุ่ง เราย้ายกันดูไหม เพราะเราก็ไม่ได้มีสมบัติติดตัวอะไรกันอยู่แล้ว

 

Sponsored Ad

 

    ตอนนั้นจำได้ขึ้นใจเลยอยู่ที่สุพรรณ มีข้าวแต่เราไม่มีเงินที่จะไปซื้อกับข้าวกิน เหมือนว่าเงินมันหมุนไม่ทัน เราก็เดินออกไปเด็ดผักบุ้งที่มันอยู่ตามคลอง เด็ดมาก็มาผัดกินกันในครอบครัว ตอนนั้นหนูไม่ได้รู้สึกซีเรียสอะไร เพราะว่าเรารู้ว่าถ้าแม่ทำกับข้าวนั่นคืออร่อยแล้ว

    จนกระทั่งช่วงหนึ่งที่รู้สึกถึงความลำบาก เพราะคุณพ่อป่วย คือเราเราไม่รู้มาก่อนเลย ด้วยความที่เรายากจนกันด้วย เวลาเป็นอะไรคุณพ่อก็จะไม่บอก กลัวว่าต้องไปรักษา ต้องเปลืองเงิน จะเป็นคนที่เก็บอาการเก่งมาก เก็บรักษาความเจ็บปวดมาตลอด จนมีอยู่วันหนึ่งที่เขาเริ่มผอมลงๆ ครอบครัวก็เริ่มสังเกตว่าแปลกๆ แล้วเขาก็ปวดท้องหนักมาก เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว พอไปตรวจคุณหมอก็ถามว่าไปอยู่ไหนมา ทำไมเพิ่งมาตรวจนี่คือเข้าขั้นระยะที่ 4 แล้ว 

 

Sponsored Ad

 

    ซึ่งคุณพ่อป่วยเป็นมะเร็งตับ สาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะช่วงที่เขาวัยรุ่น เขาดื่มเหล้า ดูดบุหรี่บ่อย ตอนที่ตรวจเจอตอนนั้นคุณพ่ออายุ 43 ส่วนฟ้าอายุ 17 คาบ 18 ตอนนั้นคุณหมดก็แจ้งว่า ถ้ากำลังใจดี เต็มที่ก็ 4 เดือน ซึ่งพ่อเขาก็สู้ของเขาเต็มที่มากๆ ก็ 4 เดือนจริง ๆ

 

Sponsored Ad

 

    พอขาดหัวหน้าครอบครัวไป ครอบครัวก็แตกแขนงออกไปหมด หลังจากที่คุณพ่อเสีย คุณแม่ก็ขอไปบวชประมาณ 2 ปี เราก็ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ พี่คนกลางทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่คนโตแต่งงานมีครอบครัวมีลูกอยู่ที่ราชบุรี

    มีช่วงหนึ่งที่เราออกมาทำงานด้วยตัวเอง คุณแม่จะป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน หัวใจ หลายโรครุมเร้า เขาต้องไปตรวจเช็กร่างกายตลอดทุกเดือน จะมีช่วงหนึ่งที่เขาขอค่ารถไป ซึ่งเราก็เงินไม่พอจะทำยังไงก็มีช่วงที่หนักหน่วงอยู่พอสมควร

    อิงฟ้า ยังเปิดใจอีกว่า ก่อนที่คุณพ่อจะเสีย คุณพ่อมีความใฝ่ฝันอยากให้ตนเป็นนักร้อง ซึ่งเราก็จะรับรู้มาตลอดตั้งแต่เด็กว่าเขาสนับสนุนเราในเรื่องของการร้องเพลง ความฝันของเขาแน่นอนคืออยากเห็นเราเป็นศิลปินเต็มรูปแบบ ณ ตอนนั้นก็เหมือนมีเรื่องบังเอิญจริง ๆ ที่มีค่ายเพลงติดต่อเรามาในช่วงที่คุณพ่อรักษาตัวอยู่เป็นระยะที่ 4 ประมาณเดือนที่3 ที่4 ละ โอเคเราก็ไป

Sponsored Ad

    จุดประสงค์ของเราตอนนั้นอยากจะเอาความฝันของพ่อให้สำเร็จ เพราะเราคิดว่านี่แหละคือกำลังใจที่ดีที่สุด เผื่อเป็นปาฏิหาริย์ บอกพ่อต้องหายนะ เราจะได้ไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน พอหลังจากที่เราเซ็นสัญญาเสร็จปุ๊บ กลับมาไม่นานคุณพ่อก็เสียชีวิต เหมือนชีวิตกำลังมีแสงสว่าง แล้วเสาหลักก็จากไป ตอนนั้นชีวิตเป๋ไปมาก ร้องไห้แทบทุกวัน ทำใจไม่ได้เลย ทุกวันนี้ยังนึกถึงคุณพ่อ ยังมีแอบร้องไห้บ้าง

    ซึ่งตนก็อยากบอกพ่อว่า ไม่มีอะไรต้องห่วง ตอนนี้สำเร็จทุกอย่างแล้ว ในเรื่องของคุณแม่ ครอบครัวตอนนี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว จริง ๆ ก็คิดว่าเขาน่าจะรับรู้ได้ตลอดอยู่แล้ว

    นอกจากนี้อิงฟ้า ยังยอมรับว่า มีช่วงหนึ่งที่หมดกำลังใจถึงขั้นคิดสั้นไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เหมือนกับว่าตนยังไม่สามารถมองข้ามความเจ็บปวดไปได้ พร้อมย้ำว่า ช่วงที่ตนคิดสั้นโมเมนต์ตอนนั้นไม่ดีและไม่ควรทำ

    ที่ผ่านมาตนทำมาหลายอาชีพมาก เป็นแม่ค้าขายมาทุกอย่างแล้ว พอเริ่มโตมา แคดดี้ก็เคย ตอนนั้น 13 ปีเองเป็นนักร้อง หมอทำขวัญนาค นางแบบ พิธีกร และเป็นพนักงานออฟฟิศทั่ว ๆ ไป

    เมื่อถามว่าจากนักร้องไปเป็นหมอทำขวัญนาคได้ยังไง? อิงฟ้า เผยว่า ตอนเด็กหนูถูกปลูกฝังกับคุณตา คุณยาย คุณแม่ชอบพาหนูไปดูลิเก เรารู้สึกว่าหมอทำขวัญนาคและลิเกเป็นสิ่งที่เราอยากจะเป็นตั้งแต่เด็ก พอเราอยากเป็นโตมาเราเริ่มร้องเพลงเป็น ตอนเรียนม.ปลาย ก็มีครูบอกว่าลองไปแข่งขับเสภาดูไหม เป็นตัวแทนของโรงเรียน พอหนูเรียนจบก็มีครูที่เขาทาบทามไปทำขวัญนาคดูไหม เราก็ไปฝึกกับเขา

    ในเรื่องความรักที่มีข่าวออกมาว่าตนยอมรับว่าอยู่ในกลุ่ม LGBTQ ซึ่งตนยอมรับมานานแล้วก่อนเข้าวงการนางงามอีก แต่ตอนนั้นมันไม่ได้เป็นกระแส เราไม่ได้ดัง คนก็เลยไม่รู้ และตนก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง 

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : คุยแซ่บShow

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ