พ่อแท้ๆใจสลาย ลองตรวจ DNA ขำๆ แต่ผลที่ได้ ลูกชายคนที่ 2 ดันมีพ่อเป็นคนอื่น ก่อนตามหาพ่อที่แท้จริง!?

คอมเมนต์:

พ่อแท้ๆใจสลาย ลองตรวจ DNA ขำๆ แต่ผลที่ได้ ลูกชายคนที่ 2 ดันมีพ่อเป็นคนอื่น ก่อนตามหาพ่อที่แท้จริง!?

    ต้องบอกเลยว่าเป็นฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมจริงๆ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ ลองตรวจ "DNA" ขำๆ แต่ผลที่ได้ทำเอาช็อกหนัก เป็นแบบนี้ไปได้ไง ลูกชายที่เลี้ยงดู มีพ่อเป็นคนอื่น!?

    โดยเว็บไซต์ต่างประเทศ เอบีซีโฟร์ รายงานเรื่องสุดพีคของ คู่รักคู่หนึ่ง นามว่า ดอนนา และ แวนเนอร์ จอห์นสัน จากยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ทั้งคู่คิดว่าน่าสนุกดี ถ้าพวกเขาจะลองซื้อชุดตรวจ DNA ยอดฮิต 23andMe มาตรวจกันเล่นๆ เพราะชุดตรวจดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก 

 

Sponsored Ad

 

    ทว่าหลังจากผ่านไป 1 เดือน ผลที่ได้กลับทำให้คู่สามีภรรยา แวนเนอร์ และ ดอนนา จอห์นสัน อึ้งจนพูดไม่ออก เหมือนโลกจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะผลที่ปรากฏนั้นระบุว่า ลูกชายทั้ง 2 คนของพวกเขา มีพ่อผู้ให้กำเนิดที่ต่างกัน

    "ตอนที่ผมเห็นผลการตรวจซึ่งบอกว่าลูกชายคนเล็ก วัย 12 ขวบ เกิดจากการปฏิสนธิโดยบังเอิญกับสเปิร์มของคนแปลกหน้า ลูกชายผมมี "พ่อที่ไม่รู้จัก" ผมก็คิดว่ามันหมายความว่ายังไง พ่อที่ไม่รู้จักเหรอ ทั้งๆ ที่ผมเป็นพ่อของเขา" แวนเนอร์ กล่าว

 

Sponsored Ad

 

     แวนเนอร์เผยต่อไปอีกว่า เขากับภรรยาตัดสินใจมีลูกคนที่ 2 ด้วยกัน และเริ่มกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว เมื่อปี 2550 แต่สิ่งที่ทั้งคู่ไม่คาดคิดเลยก็คือในช่วงเวลาสิบกว่าปีให้หลัง พวกเขาจะได้ทราบว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น เมื่อสเปิร์มที่นำมาผสมกับไข่เพื่อการทำเด็กหลอดแก้วนั้น เป็นสเปิร์มที่มาจากผู้ชายคนอื่น

    แม้ครอบครัวนี้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากใจ และอารมณ์ที่หลากหลาย เมื่อได้ทราบความจริง แม้จะแน่นอนว่าแวนเนอร์ยังคงรักลูกชายไม่เปลี่ยนแปลง แต่เขาก็ยังอยากรู้ความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในระหว่างการปฏิสนธิ ซึ่งเขาจะไม่ยอมปล่อยผ่านปัญหานี้ไปแน่

 

Sponsored Ad

 

    ทั้งนี้ทั้งคู่เก็บงำความลับนี้ไว้เป็นเวลากว่า 1 ปี เพื่อให้ลูกชายอายุครบ 12 ปี ซึ่งโตพอจะรับรู้ความจริงดังกล่าว โดยในวันที่บอกข่าวดังกล่าวให้ลูกได้รู้ เขาพาลูกชายขึ้นรถไปด้วยกัน และนั่งคุยกันระหว่างนั้น

    แวนเนอร์เผยว่า ลูกชายพอจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเกิดขึ้นจากวิธีการทำเด็กหลอดแล้ว ซึ่งเขาก็บอกกับลูกว่า "โอเค..ตอนที่เราทำมันมีบางอย่างเกิดขึ้น เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อไม่ใช่พ่อทางสายเลือดของลูก" เขายอมรับว่าจำบทสนทนาที่เหลือทั้งหมดไม่ได้ แต่เขายังจดจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ อย่างไรก็ตามลูกบอกว่า ลูกยังรักเขาเหมือนเดิม เช่นเดียวกับที่เขารักลูกชายไม่เปลี่ยนแปลง

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากบอกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ลูกได้รู้ ในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็ได้ออกตามหาตัวพ่อผู้ให้กำเนิดของลูกชายของเขา (เจ้าของสเปิร์ม) ด้วยการตรวจดีเอ็นเอซ้ำอีกครั้ง เพื่อจะตามหาบุคคลที่เป็นพ่อทางชีวภาพของลูกชาย  เพื่อพิสูจน์ความจริง จนพบว่าชายคนดังกล่าวคือ เดวิน แมคนีล ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐโคโลราโด 

     จากนั้นแวนเนอร์ก็ค้นข้อมูลจนเจอเบอร์โทรศัพท์ของเดวิน และตัดสินใจโทร. ไปหาอีกฝ่าย ในตอนแรกเดวินไม่รับสาย เพราะนึกว่าเป็นสายโทรศัพท์หลอกลวง แต่ในที่สุดเขาก็ยอมรับสายของแวนเนอร์

 

Sponsored Ad

 

     "ผมบอกเขาว่า ตามที่ผมเข้าใจคุณน่าจะเป็น เดวิน แมคนีล ส่วนภรรยาของคุณชื่อ เคลลี่ พวกคุณเคยทำเด็กหลอดแก้วเมื่อหลายปีก่อนใช่ไหม" แวนเนอร์ กล่าว ซึ่งเมื่อเดวินไม่ปฏิเสธ แวนเนอร์ก็ขอคุยกับอีกฝ่ายผ่านเฟซไทม์ เพื่อบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

 

         เดวินยอมรับว่าในตอนแรกที่ได้ฟัง เขาก็ไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่นัก แต่เมื่อมีรายละเอียดต่าง ๆ และหลักฐานปรากฏมากขึ้น ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาจริง ๆ จากนั้นทั้ง 2 ครอบครัวก็ได้พูดคุยกัน พยายามหาความเชื่อมโยงทั้งวันที่ เวลา และสถานที่ที่น่าจะเป็นจุดเริ่มของปัญหา จนพบว่าพวกเขาต่างใช้บริการที่ศูนย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ของมหาวิทยาลัยยูทาห์ และได้เข้าไปที่คลินิกดังกล่าวพร้อมกันในวันหนึ่งเมื่อ 14 ปีก่อน  

 

Sponsored Ad

 

         ทั้งนี้ เมื่อได้ทราบถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากทางศูนย์ฯ ทั้ง 2 ครอบครัวก็ตัดสินใจที่จะเผชิญเรื่องนี้ไปด้วยกัน โดยพวกเขายังคงติดต่อสื่อสารกัน ผ่านเฟซไทม์ ส่งอีเมลตอบโต้กัน จนในที่สุดก็นัดมาพบกันเพื่อให้ลูกชายของแวนเนอร์ได้มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวของเดวิน

         แม้เดวินจะค่อนข้างลำบากในการสนทนากับลูกของแวนเนอร์ แต่เคลลี่บอกว่าลูก ๆ ของเธอ เข้ากับเด็กคนนี้ได้เป็นอย่างดี พวกเขาก็แค่ยอมรับว่ามีพี่น้องต่างแม่กัน และมีคนให้รักเพิ่มอีกคนหนึ่ง จากนั้นเด็ก ๆ ก็เล่นกันในสวน เปลี่ยนช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ให้กลายเป็นเรื่องดี ๆ ขึ้นมา

         อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ครอบครัวแล้ว พวกเขาทั้ง 4 คนก็อยู่ระหว่างเตรียมตัวยื่นฟ้อง ศูนย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ของมหาวิทยาลัยยูทาห์ ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ต้องมีครอบครัวใดเผชิญกับเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้อีก

ที่มา : ladbible, abc4, เฟซบุ๊ก Vanner Johnson

บทความที่คุณอาจสนใจ