เป็นกระแสร้อนแรงอย่างมากในตอนนี้ เมื่อแฮชแท็ก #พิมรี่พาย จนพุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ หลังซัดกลับ "อายตา" บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่มีผู้ติดตามในยูทูบกว่า 1 ล้านบัญชี ที่รีวิวแป้งพัฟ ทั้งติและชมคุณภาพแป้งแต่งหน้าที่สั่งมาจากเพจของพิมรี่พาย

    จุดเริ่มต้นของดราม่าเกิดจา อายตา ได้โพสต์คลิปลงยูทูบเมื่อคืนวันเสาร์ (5 ก.พ.) ที่ผ่านมา โดยเป็นการรีวิวแป้งที่สั่งมาจากเพจของพิมรี่พาย โดยพบว่า วันที่พัสดุมาส่งนั้น ก็พบว่า แป้งที่สั่งซื้อมา 3 ตลับ แตกละเอียดไป 1 ตลับ ซึ่งเป็นแป้งเบอร์ 2 

    แต่อย่างไรก็ตามเมื่อลองใช้กับผิวหน้าของตนแล้วดูสว่างเกินผิวปกติของตน อาจเป็นเพราะเนื้อแป้งออกสีชมพู จึงใช้แป้งเบอร์ 3 ที่ให้สีเข้มกว่า(ยิ่งเลขเยอะ สียิ่งเข้ม) ลงกรอบหน้าของตนควบคู่กันไป แต่กลับพบว่าเนื้อแป้งดูไม่ซึมเนียนไปกับผิวนัก ซึ่งเธอก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเนื้อแป้งที่มันแตก อาจจะติดพัฟฟ์ได้ไม่เต็มที่ แล้วเวลาปาดมันไม่สวย

    ต่อมา อายตา จึงซื้อแป้งยี่ห้อดังกล่าวตลับใหม่มาใช้อีก เพื่อดูว่าถ้าหากแป้งในตลับไม่แตกจะให้ผลที่ต่างกันหรือไม่ แต่ครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อนตรงที่ใช้แป้งเบอร์ 3 ที่มีสีเข้มกว่าเป็นหลัก เพราะเบอร์ 2 ให้สีที่สว่างเกินสีผิวของตน 

    เมื่อลงแป้งดังกล่าวครึ่งหน้าก็พบว่าดูดี ลองทาครึ่งหน้า 1 รอบก็พบว่าดูดี "เอ้ย! เบอร์ 3 ดูดี ทำไมตอนสวอตช์มันดูเข้ม แล้วพอทาจริงแล้วมันดูดีวะ" อายตา กล่าว

    จากนั้น อายตา ก็ได้ลงแป้งให้ดูทั่วใบหน้าและแต่งหน้าเพิ่มเติม พร้อมกับรีวิวในมุมมองของตนเองว่า ตัวแป้งมีความ "เจือขาว" อยู่ บ้าง แม้ทำให้สีของใบหน้าออกเทาแต่ไม่ได้แย่ ส่วนคุณภาพโดยรวมเธอมองว่า ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคุณภาพ ซึ่งก็ดีกว่ามาตรฐานที่คิดไว้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นประทับใจ

    ต่อมา พิมรี่พาย ก็ได้ไลฟ์สดขายของ ซึ่งในช่วงที่มีการขายแป้ง "PRIM" ได้อ้างว่า มีคนโทร.มาหารัว ๆ บอกว่า อายตา รีวิวแป้ง ด่าก่อนค่อยชม เป็นธรรมดา เพราะชมเลยจะดูปลอม ดูจ้าง ทั้งยังวิจารณ์ว่า อายตาใช้วิธีการแต่งหน้าที่ไม่ฉลาดนัก แทนที่จะใช้แปรงปัดแป้งบนใบหน้าให้ดูบางเบา แต่กลับใช้ฟองน้ำพัฟฟ์ ทำให้สีออกมาทึบ

    ทั้งยังบอกอีกว่า โง่เนอะ เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเป็น 10 ปีละ ก็ไม่ดังสักที คืออย่างงี้ เอาพัฟกด ๆ ก็บอกว่าหนา ลูกตนเอง 6 ขวบยังทำเป็นเลย เอาแปรงเนี่ยแปรง แล้วก็ปัดเอา อยากได้หนาก็เอาพัฟฟ์กด แต่ถ้าอยากได้บางก็เอาแปรงปัด ก็แค่นั้นเอง เรื่องมันมีแค่นั้นเอง แป้งกูของดีๆ ต้องได้ด่าสักนิดนึง จะได้มีคนดู

    พร้อมกับบอกว่า ตนไม่สนใจหรอก ด่าหมดแหละ ตนไม่ได้ดูหรอกนะ เพื่อนไลน์มาบอกว่า ด่าก่อนแล้วค่อยชม เรื่องปกติของยูทูบเบอร์ เขาต้องด่าก่อน ไม่งั้นไม่มีคนดูเขาต่อ เดี๋ยวเขาดูคลิปไม่จบ เดี๋ยวเขาไม่ Success (ประสบความสำเร็จ) เรื่องคำรีวิว

    ด้าน อายตา ก็ได้ออกมาถ่ายทอดสดชี้แจงลงเฟซบุ๊กเมื่อช่วงเที่ยงวันจันทร์ (7 ก.พ.) โดยมีแคปชั่นว่า "ดราม่า! อายตาโดนพิมรี่พายด่า เป็นบตบกมาตั้งนานก็ไม่ดังซะที" โดยบอกว่า ตนติดตามพิมรี่พาย ชื่นชมเขาที่ไปช่วยคนอื่น ยังบอกผู้ช่วยของตนเองเลยว่า อยากทำให้ได้แบบที่พิมรี่พายทำ ถ้าตัวเองรวย หรือมีเงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตนเองไม่ได้โกรธ แต่อยากจะชี้แจงในประเด็นที่ถูกพูดถึง

    ทุกครั้งที่ตนรีวิวจะพยายามใช้งานสินค้าให้ออกมาสวยที่สุด ไม่มีเจตนาจะสร้างชื่อเสียงในแง่ลบให้กับสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง เพราะรู้ว่าถึงแม้ตนอาจจะไม่ได้ดัง แต่เวลาตนพูดอะไรไปอะ มันมีคนดูและมันมีผลของการกระทำที่ตามมา

    ตนยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าเวลาทำคลิปรีวิวสินค้าก็ต้องเกาะกับสินค้าที่มีกระแส ซึ่งแป้งเบอร์ 2 ที่ตนซื้อมาเนื้อแป้งในตลับแตก แต่ตนอยากรีวิวให้ทันกระแสจึงลองใช้ แต่ผลลัพธ์กลับออกมาไม่ตามที่คาดหวังนัก จึงพยายามหาสาเหตุว่าเป็นที่ผิวตน แป้ง หรือเนื้อแป้งที่แตก จึงต้องแต่งหน้าใหม่

    การที่พิมรี่พายออกมาวิจารณ์กลับนั้น ตนมองว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ และดีด้วยซ้ำที่ได้ชี้แจงให้กับผู้ใช้งานทราบว่าถ้าหากใช้แล้วแป้งให้สีที่ทึบไปก็ควรใช้แปรงปัดแทนใช้พัฟฟ์ ตนไม่ได้รู้สึกว่าตนถูกพิมรี่พายตำหนิรุนแรง เพราะที่ผ่านมาเคยมีเจ้าของแบรนด์สินค้าบางแบรนด์วิจารณ์ตนแรงกว่านี้อีก 

    ส่วนที่บอกว่า ตนเป็นเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์มานาน แต่ไม่ดัง ตนก็มองว่า พิมรี่พายพูดถูก ตนทำมา 7-8 ปีแล้ว คนติดตามแค่ล้านกว่า ๆ ซึ่งมันก็ไม่ดังจริง ๆ ออกไปเดินตามตลาด ก็มีคนจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าเทียบกับคนไทยทั้งประเทศ 70 กว่าล้านคน ซึ่งตนก็ไม่ได้โกรธ ตนรู้ตัวดีว่า มีคนติดตามแค่นี้ แต่แค่รู้สึกว่า ผิดประเด็นไปหน่อย ถ้าตนไม่ดัง ไม่มีสิทธิ์รีวิวของหรือ พร้อมกับขอโทษด้วยที่ดังได้แค่นี้

    นอกจากนี้ อายตา ยังบอกด้วยว่า ไม่ได้อยากจะเป็นคนที่ดังที่สุด แต่การรีวิวของแต่ละอย่าง เหมือนเป็นการเม้าท์มอยกับเพื่อน ว่าซื้ออะไรมาใช้แล้วดี แล้วอยากบอกต่อ และว่าก็จะทำคอนเทนต์ต่อไปเรื่อยๆ และว่า ก่อนหน้านี้มีผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเอง ไม่ต้องจ้าง ก็ยังชมจนคนคิดว่าถูกจ้างก็มี แต่ตนก็ไม่ได้สนใจมาก แต่อะไรที่ไม่เหมาะกับตน ก็บอกตามตรงว่าไม่เหมาะกับเรา 

    ขณะที่กระแสในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่เห็นใจอายตา เนื่องจากเป็นการรีวิวตามจริง อีกทั้งของทั้งหมดก็ซื้อมาเอง ไม่ได้รับสปอนเซอร์มาแต่อย่างใด

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : EYETA, เพจ Eyeta, ทวิตเตอร์