ย้อนฟังคำพูด "ป๋อ ณัฐวุฒิ" เล่าเรื่องหลังมีข่าวเตียงหัก ภรรยาเบื่อหน้าทนไม่ไหว พระบอกให้ไปเซ็นใบเลิก

คอมเมนต์:

#ป๋อณัฐวุฒิ ปัจจุบันผันตัวเป็น “พ่อบ้านรักเมีย” ย้อนคิดใจหาย ครั้งหนึ่งเคย “เตียงหัก” พากันไปจดทะเบียนหย่า

    เป็นอีกหนึ่งคู่รักแห่งวงการบันเทิง ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับหลายคนที่ติดตาม สำหรับครอบครัวของพ่อป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ และคุณแม่คนสวยอย่าง เอ๋-พรทิพย์ ที่ตอนนี้มีลูกชายถึง 2 คนเริ่มโตเป็นหนุ่มๆ รูปหล่อตามพ่อกันแล้วทั้งนั้น

    ล่าสุด ภรรยาคนสวยคุณเอ๋ พรทิพย์ เพิ่งจัดเซอร์ไพรส์งานวันเกิดให้ ซึ่ง ป๋อ ก็กล่าวว่า ปกติแล้วงานวันเกิดจะกินกันในครอบครัว หรือไปทำบุญ แต่คุณภรรยาก็ไปเชิญเพื่อนๆ ให้มาเจอกันได้จนเหมือนงานเลี้ยงรุ่น มีดาราศิลปินเยอะมาก 15 คน ซึ่งปกติป๋อเป็นคนขี้เกรงใจมาก ทำให้เจ้าตัวดีใจมาก และบอกว่า ดีแล้วที่เป็นคู่ชีวิตกันเพราะเขาทำในสิ่งที่เราทำไม่ได้

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อถามถึงกระแสที่ว่า ป๋อ ณัฐวุฒิ คือไอดอลคนรักเมีย ป๋อก็พูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า เขามองว่าสถาบันครอบครัวนั้นสำคัญ ด้วยความที่มีลูกด้วย มันต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ที่เลิกรากันจะไม่ดี ทุกคนมีปัญหาของตัวเอง เราก็ทำในสิ่งที่ทำได้ จีบเมียบ่อยๆ เหมือนเติมน้ำหวาน 

    ต้องบอกว่าเพื่อนผู้ชายเกลียดขี้หน้าไปหลายคนแล้ว แต่อยากบอกว่าคุณผู้ชายรักเมียเถอะครับ เรารักเคารพที่เขาเป็นคู่ชีวิตเรา ไม่มีเขาเราก็เป็นคนที่ดีแบบนี้ไม่ได้

 

Sponsored Ad

 

    แต่ถึงเห็นรักกันขนาดนี้ คุณป๋อเผยว่า มีช่วงหนึ่งที่คิดว่าวันนี้ไปหย่าแน่ ตอนนั้นมีลูกแล้วด้วย รู้สึกว่าพูดอะไรก็ไม่เข้าหูกันทั้งคู่ ไม่ค่อยอยากคุย คุยกันก็ไปทางลบแบบไม่มีสาเหตุ คบกันมา 8 ปี แต่งงาน 4 ปี พอช่วงปีที่ 11-12 มันเริ่มมีอารมณ์เบื่อ เลยไปหาพระท่านบอกว่าให้ไปเซ็นใบหย่ากันเลย แล้วค่อยกลับมาแต่งกันใหม่ มันเหมือนไปกันไม่รอดแต่ก็ไม่อยากจบ

 

Sponsored Ad

 

    วินาทีที่จะเซ็นใบหย่า ป๋อเล่าว่า เขาถึงกับสะอึก แม้ว่าจะรู้ว่าเป็นการหย่าปลอมๆ แต่ก็คิดไปถึงว่าถ้าเกิดอีก 5 เดือนมันไม่เหมือนเดิม เราจะขาดกันเลยจริงๆ แต่โชคดีที่เรากลับมาได้มาเซ็นสมรสเหมือนเดิม ทำให้คิดได้ว่าการทะเลาะมันทะเลาะกันได้ แต่หย่าคือเรื่องใหญ่ ผมกลัวมันส่งผลกระทบต่อลูก เราเลยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง อะไรจู้จี้มากเราก็ลดลง หงุดหงิดมากก็หันไปมองทางอื่น

    ทุกวันนี้ก็มีงอนมีทะเลาะกันบ้าง แต่สิ่งที่คิดคือ เรานั่งเรือมาลำเดียวกันแล้ว เราจะไม่ยอมให้มันแตกง่ายๆ เมื่อผ่านจุดนั้นมาก็ฉุกคิดได้ว่าจะไม่เอาตัวเองกลับไปจุดนั้นแล้ว เรามาไกลกันแล้ว

ที่มา : thairath

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ