"นนนี่ นนลนีย์" ลูกสาว "แอน สิเรียม" ยอมรับเคยน้อยใจ ที่ไม่สวยเท่าแม่ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วน

คอมเมนต์:

น้องนนนี่สวยมากเลยนะคะ ยิ้มสวย พูดเพราะ ขนาดไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เด็กสำเนียงไทยยังชัดแจ๋วเลย

        เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาว ที่ถึงแม้ทุกวันนี้จะเป็นคุณแม่แล้วแต่ยังสวยค้างฟ้าอยู่ตลอดเวลาสำหรับ แอน สิเรียม และล่าสุดคุณแม่คนสวยก็ได้ควงลูกสาวน้อง นนนี่ นนลนีย์ มาเปิดใจถึงประเด็นต่าง ๆ พร้อมเคลียร์ปมในใจในวัยเด็กกับการปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนเหตุเพราะคำครหาที่ว่าไม่สวยเหมือนแม่

ตอนน้องเล็ก ๆ พี่เหนื่อยมั้ยเพราะพี่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ?

 

Sponsored Ad

 

        แอน : คือตอนนั้นเราก็ละครเยอะ รับหมดเลย บางทีกลับไปบ้านเราก็อยากจะพัก แต่มันก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบก็กลายเป็นเหมือนจู้จี้ขี้บ่น เด็กคงจะรู้สึกแบบนั้น

คุณแม่ต้องทำงานหนักเลี้ยงลูกคนเดียวด้วยในทางกลับกันเรารู้สึกมั้ยว่าแม่ทำงานหนักเกินไป ?

 

Sponsored Ad

 

        นนนี่ : ตอนเด็ก ๆ เราไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนได้อยู่กับแม่ ทุกคนได้อยู่กับพ่อ บางที่เราได้เจอแค่ตอนเช้าตอนเย็นก็ไม่ได้เจอแล้ว ไม่ได้มารับที่โรงเรียน

พี่แอนรู้มั้ยว่าตอนเด็กเค้ารู้สึกแบบนี้ ?

 

Sponsored Ad

 

        แอน : ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละค่ะ

        นนนี่ : แต่โตมาก็เข้าใจแล้ว รู้สึกโชคดี

ช่วงหนึ่งชีวิตในวัยเด็กเห็นว่าไม่ชอบสื่อมวลชนเลย ไม่ชอบวงการบันเทิง เพราะแย่งความรักจากแม่ไป ?

 

Sponsored Ad

 

        นนนี่ :  ก็ไม่ใช่แย่งความรักขนาดนั้นแต่เราแค่รู้สึกว่าทำไมทุกคนได้เจอแม่แล้วเราได้เจอแม่น้อย เหมือนอารมณ์งอนๆมากกว่า

แล้วพี่แอนรู้มั้ยว่าสมัยก่อนลูกแอบน้อยใจสื่อ น้อยใจทุกอย่างที่สัมพันธ์กับชีวิตเรา ?

 

Sponsored Ad

 

        แอน : คือเรารู้สึกว่าน่าจะเป็นแบบนี้แต่เค้าก็ปากแข็ง

ทำไมไม่บอกคุณแม่ไปตรง ๆ ว่าอยากให้คุณแม่อยู่ด้วย ?

        นนนี่ : ก็เค้าดูมีความสุขเวลาเค้าทำงาน เราก็ได้เห็นจากในทีวี

 

Sponsored Ad

 

มีช่วงนึงที่เค้าเรียนแล้วก็จู่ ๆ เค้าก็ไปเรียนเมืองนอกเลยทันทีพี่แอนรู้สึกเคว้งมั้ย ?

        แอน : จริง ๆ เราเป็นคนเป็นคนอยากให้เค้าไปเรียนเอง เวลาเราเห็นคนได้เปิดโลกทัศน์ เห็นโลกกว้างมันเป็นยังไง เราถ่ายแต่ละครอย่างเดียวชีวิตเราอยู่แต่กับกองถ่าย เราไม่ได้เปิดโลกทัศน์เท่าไหร่

Sponsored Ad

แล้วเค้าไปจริง ๆ พี่แอนเหงามั้ย ?

        แอน : มันก็หวิวเหมือนกันมันมีความรู้สึกว่ามีอะไรที่เราต้องห่วงแล้วพอเราไม่เห็นมันก็คนละภาพกับที่เราเห็น

นนนี่ตอนนั้นไปเมืองนอก ไปกี่ขวบ แล้วไปที่ไหน ?

        นนนี่ :  เคยไปอยู่นิวซีแลนด์ประมาณ 13-14 แล้วไม่ชอบ เลยเปลี่ยนไปอยู่อังกฤษ

แสดงว่าวันนึงแม่เดินมาบอกนนนี่ว่า “นนนี่ไปเรียนเมืองนอกเถอะ” ?

        นนนี่ : ก็คือคุยกันดี ๆ แบบว่าเดินเข้ามาปรีกษากันมากกว่าว่าอยากไปเรียนเมืองนอกมั้ย ตนก็ยังไงก็ได้

แล้วไม่คิดถึงแม่หรอ ?

        นนนี่ : ก็เหมือนอารมณ์งอน เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้เจอกันอยู่แล้ว

พอไปแล้วคิดถึงคุณแม่มั้ย ?

        นนนี่ : ก็คิดถึง แต่ไม่โทรหานะ งอน เมื่อไหร่แม่จะโทรหา

        แอน : ช่วงว่างเวลาคนละเวลา

        นนนี่ : พอเราไปเรียนก็จะเป็นรูทีนแล้ว ตื่น กินข้าว ไปเรียน เลิกเรียน ที่เมืองไทยก็ตีสามแล้ว ก็เลยไม่ค่อยได้คุย

แล้วตอนย้ายไปอยู่อังกฤษเป็นยังไง ?

        แอน : อังกฤษมันชิลกว่าเพราะพี่สาว น้องสาวก็อยู่นั่นคือถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อได้หมด

        นนนี่ : ตอนไปอยู่เป็นโรงเรียนประจำ ทุกคนจะโดนรูทีนเหมือนกันหมด ตื่นเวลานี้ กินข้าวเวลานี้ ทำเหมือนกันหมดก็เลยรับได้มากกว่า

ช่วงที่ไปอยู่นิวซีแลนด์ที่อยากกลับเพราะไม่มีคนคอยทำอะไรให้หรือเปล่า พี่เลี้ยงก็ไม่มี ?

        นนนี่ : นิวซีแลนด์ไม่เท่าไหร่เพราะบางทรีโฮสต์เค้าจะเป็นคนคอยจัดการซักผ้าให้เรา ทำความสะอาดบ้านให้ ตอนอยู่อังกฤษต้องเริ่มทำอะไรเอง จะเหมือนฝึกระเบียบเพราะเป็นโรงเรียนประจำ ช่วงเหลือตัวเองทั้งหมดประมาณ 70-80 % 

ตอนนั้นคือมีปัญหาไม่อยากอยู่แล้ว ?

        นนนี่ : ก็มีงอแงบ้างเพราะอยู่เมืองไทยเรามีพี่เลี้ยงตลอด

พี่แอนคิดว่าเราเลี้ยงลูกสปอยล์มั้ย ?

        แอน : ของพี่พี่ไม่รู้ แต่แม่พี่ก็เลี้ยงพี่แบบนี้ เค้าก็ฝึกก็ตี แต่สิ่งหนึ่งที่พี่ไม่เคยทำกับเค้าก็คือการตีก็จะใช้วิธีการพูดการอธิบายก็เลยดูเป็นจู้จี้ขี้บ่น แต่ตอนเด็กๆแอนโดนตีฟาดกระหน่ำ

ไปอยู่ที่อังกฤษเค้าจ่ายค่าเทอมให้แต่การใช้จ่ายส่วนตัวต่าง ๆ เห็นบอกว่าต้องทำงานด้วย ?

        นนนี่ : ช่วงเรียนปริญญาก็จะมีเวลาที่สามารถออกไปทำงานข้างนอกได้ตามชั่วโมงของเค้า ก็ไปทำงานเสิร์ฟ รีเซฟชั่น ถ้าช่วงเปิดเทอมก็จะทำ 4 วัน ถ้าปิดเทอมก็จะทำเต็ม 5 วัน 5 คืน

แล้วเราอยากอยู่กับแม่มั้ย ?

        นนนี่ : ไม่อยากค่ะ โตแล้วไม่อยากอยู่กับแม่

เห็นว่าคุณแม่รู้ข่าวเรื่องการขอแต่งงานผ่านไอจี ?

        นนนี่ : ใช่ คือตอนเค้าขอเราแต่งงานเราก็คงไม่ได้โทรบอกแม่ว่าเค้าขอแต่งงาน เราก็โพสต์รูปไปแล้วก็หลับ นางก็มีมิสคอลประมาณ 30 สาย

ถ้าย้อนเวลาได้พี่อยากจะมีลูกตอนเป็นวัยรุ่นหรือตอนอายุมากแล้ว ?

        แอน : แอนเป็นคนโตตั้งแต่เด็ก มีหน้าที่ความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก แอนจะขาดช่วงชีวิตวัยรุ่นไป แอนเรียนจบแล้วก็มีแฟนเลยเหมือนกันแล้วก็ทำงานเลย รูทีนชีวิตเป็นแบบนี้ไปเลย มันก็จะแตกต่างกัน พอมีช่วงหยุดอยู่ต่างประเทศเราได้ไปเที่ยวโน่นนี่ได้เห็นโน่นนี่มันมีอะไรน่าตื่นเต้นมากมาย

ตอนนั้นที่เรากินเยอะเพราะเราได้ยินคอมเม้นท์ว่าเราสวยไม่เท่าแม่รึเปล่า ?

        นนนี่ : จริง ๆ อันนี้คือเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วจะโดนคอมเม้นท์ตลอดเวลาว่าลูกไม่สวยเลย ดั้งก็ไม่มี แม่สวยกว่าตั้งเยอะมันมีการเปรียบเทียบตั้งแต่เด็กมากแล้ว โตขึ้นมาก็เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะสวยเท่าแม่ก็กินไปเลยแล้วกัน อยากกินอะไรก็กิน ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมน้ำหนัก

        แอน : บางทีมันก็เฮิร์ทจิตใจเราที่ได้ยิน คนที่พูดส่วนมากก็เป็นผู้ใหญ่ “ทำไมลูกสาวไม่สวยเหมือนแม่เลย”

เรากดดันมั้ย ?

        นนนี่ : เราไม่กดดันเราโกรธ เราโกรธว่าทำไมเราไม่ได้จมูกแบบนี้บ้าง แต่ไม่กดดันอะไรเลย

ทำไมน้องนนนี่เป็นคนที่พิเศษและวิเศษที่สุดในโลกนี้ ?

        แอน : เราก็มีลูกคนเดียวจะอะไรก็แล้วแต่ลูกเราเราก็รักที่สุดมันเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา คุณแม่ทุกคนก็ต้องรักลูก หวงด้วย ห่วงด้วย แม่ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน แต่แอนก็จะเคารพการตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่าง

รักเค้ามากขนาดไหน ?

        แอน : รักที่สุดมีอยู่คนเดียว

นนนี่ล่ะเห็นบอกว่าปากแข็ง ?

        นนนี่ : เราก็ปากแข็งแต่ทุกคนก็รู้ว่าเราก็รักแม่มาก อยากให้แม่มีความสุข อยากให้เค้าสบาย

บอกความในใจกับแม่หน่อย ?

        นนนี่ : หนูรักแม่ที่สุดในโลก หนูจะเป็นเด็กดีของแม่ตลอดไป อยากจะให้แม่มีความสุขมาก ๆ อะไรที่ทำให้แม่ไม่สบายใจแล้วก็เคยทำร้ายจิตใจแม่ หนูขอโทษค่ะ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ที่มา : รายการ คุยแซ่บShow, Instagram annsirium

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ