เมื่อเร็วๆนี้มีคนโพสต์ภาพที่น่าแปลก ซึ่งเป็นภาพของหมูทั้งตัวที่ถูกแขวนตากแห้งไว้บนคานของบ้าน โดยจะแขวนไว้นาน 30 ปี จนกลายเป็นหมูที่เหม็น แต่กลับมีคนขอซื้อในราคา 600,000 บาท เชื่อไหมว่าเจ้าของหมูตากแห้งตัวนี้กลับไม่ยอมขาย ทำไมหมูที่เหม็นๆนี่ถึงมีราคาแพงขนาดนี้?....

    สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีชาวเน็ตบางคนออกมาเฉลยว่า นี่คือ อาหารเลิศรสที่แสนพิเศษและแสนอร่อยที่เรียกว่า “หมูเหม็น” (แปลความหมายจากต้นฉบับ) พวกเขาบอกว่ามันเหม็นยิ่งกว่า “เต้าหู้เหม็น” เสียอีก และว่ากันว่ามันเป็น อาหารที่ดีที่สุดสำหรับไว้ต้อนรับแขกบ้าน 

 

 

    หากคุณได้ไปเยือนยังหมู่บ้านแห่งนี้ แล้วพวกเขาต้อนรับพวกคุณด้วยเนื้อหมูเหม็นนี้ นั่นหมายถึงพวกเขาให้ความสำคัญกับแขกอย่างคุณอย่างมาก

 

 

    มีชาวเน็ตหลายคนบอกว่า “หากได้เป็นแขกในสถานที่นี้แล้วพวกเขาเอาหมูเหม็นมาต้อนรับ ขอบอกว่าไม่กล้าหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเด็ดขาด!”  บนโลกใบนี้มีอะไรแปลกๆอีกมากมายที่เรายังไม่เคยเห็น ไม่เคยได้รับรู้และสัมผัส 

    คนท้องถิ่นบอกว่าหมูเหม็นนี้สามารถขายได้ 600,000 บาท โดยหมูเหม็นนี้จะถูกแขวนไว้บนคานของบ้านเป็นเวลา 30 ปี แต่ที่สำคัญคือ แม้จะราคามากขนาดนี้แต่เจ้าของก็ไม่แน่ว่าจะขายให้คุณหรือไม่? นี่ตกลงมันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?

 

 

    หมูที่ถูกแขวนอยู่บนคานบ้านเป็นเวลา 30 ปีนี้จะกลายเป็น มั ม มี่ จนเนื้อหมูแข็งและแห้งสนิท มีพ่อครัวคนหนึ่งกล่าวว่า “เมนูอาหารที่ต้องรอนานกว่า 30 ปีนั้นเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ” 

 

 

    และมีบางคนพูดติดตลกว่า “หมูที่แขวนตั้งแต่เล็กจนโต อายุ 30 ปีเป็นเวลาที่ดีที่จะต้องแต่งงานแล้ว ก็เอาหมูไปขายนำเงินมาเป็นค่าสินสอดเลยพอดีเลย” 

    ฟังชาวบ้านท้องถิ่นเล่าว่า: มีหลายครอบครัวที่มี “หมูเหม็น” แขวนอยู่ในบ้านของพวกเขาและหมูเหล่านี้ก็จะถูกแขวนไว้นาน 30, 40, 60 ปี  และสิ่งนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า ฐานะเศรษฐกิจของครอบครัวนั้นค่อนข้างดีมากและร่ำรวย ไม่รู้ว่าทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวนี้? แต่สำหรับคนบ้านเราอยากที่จะกินเนื้อหมูที่สดใหม่อยู่เสมอใช่ไหม?

 

 

     เรามาดูเนื้อของหมูเหม็นจะไม่หนามาก ชาวบ้านบอกว่า “ต้องต้มด้วยน้ำเดือดเป็นเวลานานถึงจะกินได้!”

 

 

.

    และวิธีการทำหมูชนิดนี้ก็ความพิเศษมาก 

1.จำเป็นที่จะต้องใช้เชือก รั ด ค อ หมูทันทีเพื่อให้ขาดอาการหายใจ 

2.จากนั้นก็ใช้ มี ด ก รี ด บริเวณหัวใจของหมูให้เป็นช่องเล็กๆ เพื่อนำเอาอวัยวะของหมูออกมาจากทางนี้

3.อย่าผ่าท้องของมันเด็ดขาด 

4.แล้วนำข้าวสาลีกับข้าวบาร์เลย์ยัดเข้าไปตรงช่องที่กรีด ยัดเข้าไปจนเต็มท้องหมูและเติมอากาศเข้าไปในท้องหมูเพื่อให้พองตัว สุดท้ายจึงค่อยนำรำข้าวสาลียัดเข้าไปจนเต็มท้อง ทิ้งไว้นาน 20 วัน เพื่อข้าวสาลี,ข้าวบาร์เลย์ และรำข้าวสาลีดูดซับความชื้นภายในตัวหมู จนหมูแห้งสนิท

5.จากนั้นนำเชือกมาเย็บปากให้สนิท 

6.นำดินแดงมายัดบริเวณช่องทั้ง 7 ทั่วร่างกายหมู (ปาก,หู 2 ข้าง,ทวาร,ตา 2 ข้าง,บริเวณหัวใจที่เรา ก รี ด เป็นช่อง)

.

    ไม่ทราบว่ามีใครเคยมีประสบการณ์แบบนี้บ้าง? มาเล่าสู่กันฟังหน่อยว่ารสชาติมันเป็นอย่างไรบ้าง?

ที่มา:family543.

แปลและเรียบเรียงโดย ป๋าเถิก เปิดกรุ